โลกเวทมนตร์ของแฮร์รี่ พอตเตอร์ (รวมทั้งในภาพยนต์สัตว์มหัศจรรย์ฯ) เป็นโลกที่แฝงตัวอยู่กับพวกเรา ไม่ได้เป็นแฟนตาซียุคโบราณแบบ LOTR หรือแฟนตาซีต่างโลกอันกว้างใหญ่ไพศาลแบบจักรวาล Star Wars พ่อมดแม่มดอาศัยอยู่ปะปนกับพวกเรา มีลักษณะทางกายภาพเหมือนกับพวกเราทุกประการ ต่างก็แค่พวกเขาสามารถเสกเวทมนตร์ได้ เผลอๆ อาจจะเป็นคนที่คุณรู้จัก คนพบเห็นอยู่ทุกๆ วัน หรือ แม้แต่อาจจะเป็นเพื่อนบ้านของคุณก็ได้
พ่อมดแม่มดมีอยู่ทั่วทุกหนแห่งบนโลก แต่พวกเขาต่างหลบซ่อนตัวจากพวกเราซึ่งเป็นคนที่ไม่มีเวทมนตร์ (muggle) เหตุเพราะพวกเขาถูกผูกมัดไว้ด้วยกฏหมายที่เรียกว่า บทบัญญัติปกปิดความลับพ่อมดนานาชาติ ซึ่งบังคับให้พ่อมดแม่มดทั่วโลกต้องหลบซ่อนตัว และจะไม่เผยตัวตนให้พวกมักเกิ้ลอย่างเราๆ ได้พบเห็นเด็ดขาด หากพวกเขาละเมิดกฏหมายนี้ก็จะถูกลงโทษอย่างรุนแรง
"เมื่อการไล่ล่าพ่อมดแม่มดทวีความเหี้ยมโหดมากขึ้น ครอบครัวผู้วิเศษก็เริ่มดำเนินชีวิตแบบสองหน้า
ใช้คาถาปกปิดเพื่อปกป้องตนเองและครอบครัว เมื่อถึงศตวรรษที่สิบเจ็ด
แม่มดหรือพ่อมดคนใดที่เลือกสนิทชิดเชื้อกับพวกมักเกิ้ล จะถูกสงสัยหรือถึงขนาดถูกไล่ออกจากชุมชน"
อัลบัส ดัมเบิลดอร์ : โน้ตในนิทานเรื่อง พ่อมดกับหม้อกระโดดได้
ช่วงศตวรรษที่ 17 ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อมดกับมักเกิ้ลตกต่ำลงจนอยู่ในระดับเลวร้ายที่สุด ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากช่วงศตวรรษที่ 15 ตอนต้นที่การล่าแม่มดลุกลามไปทั่วยุโรป ชุมชนผู้วิเศษหลายแห่งเห็นต้องกันว่า การเสนอตัวเพื่อที่จะช่วยเหลือเพื่อนบ้านมักเกิ้ลด้วยเวทมนต์นั้น ไม่ต่างอะไรกับการเดินเข้าไปหากองฟืนเพื่อให้ตัวเองถูกจับเผาทั้งเป็น แม่มดและพ่อมดจำนวนมากถูกจับและตัดสินประหารชีวิตด้วยข้อหาเพียงแค่ว่าพวกเขามีเวทมนต์ แน่นอนว่าสำหรับพวกเขาหลายคนสามารถใช้เวทมนต์หลบหนีการจับกุมไปได้ (อย่างเช่น ลิสเต เดอร์ ลาพิน แม่มดชาวฝรั่งเศสที่สามารถหลบหนีการจับกุมของมักเกิ้ลได้ในปี ค.ศ. 1422) แต่ก็มีบางคนที่ไม่โชคดีอย่างเช่น เซอร์นิโคลัส เดอร์ มิมซิ่ง พอร์ตัน ในปีค.ศ. 1492 เพราะเขาถูกยึดไม้กายสิทธิ์ไปด้วยตอนที่ถูกจับ และครอบครัวผู้วิเศษหลายครัวเรือน ก็มีความเสี่ยงสูงที่สมาชิกในครอบครัวจะถูกจับไปเผาทั้งเป็น โดยเฉพาะพ่อมดแม่มดเด็ก ซึ่งไม่สามารถควบคุมเวทมนต์ในตัวได้ ย่อมเป็นที่สะดุดตาในการล่าแม่มดของพวกมักเกิ้ล
การคุกคามพ่อมดรุ่นเยาว์จากพวกมักเกิ้ลเริ่มและยิ่งทวีความรุนแรงจนถึงขั้นมีการขู่บังคับให้พ่อมดและแม่มดสอนการใช้เวทมนต์ให้กับพวกมักเกิ้ล โดยคิดว่าพวกเขาจะใช้เวทมนต์ได้บ้าง จำนวนการล่าแม่มดที่เพิ่มขึ้น (รวมถึงมักเกิ้ลที่ถูกเผาเพราะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นแม่มดด้วย) เป็นแรงผลักดันให้ชุมชนผู้วิเศษตระหนักว่า ถึงเวลาต้องทำอะไรบางอย่างแล้ว
หน่วยงานที่ถูกก่อตั้งขึ้นใหม่อย่างกระทรวงเวทมนต์ พยายามที่จะประสานงานไปยังราชสำนักของอังกฤษ (ตรงกับรัชสมัยของพระเจ้าวิลเลียมที่ 3 และราชินีแมรี่ที่ 2) ผ่านทางคณะผู้แทนพิเศษของกระทรวง พวกเขาถูกปฏิเสธอย่างสิ้นเชิงในการขอเจรจาที่จะให้พ่อมดถูกคุ้มครองอยู่ภายใต้กฏหมายของมักเกิ้ล ความล้มเหลวของการถูกยอมรับอย่างเป็นทางการและการได้รับความคุ้มครองนี้ เป็นเสมือนฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้บรรดาพ่อมดแม่มดยอมเข้าสู่สถานะการหลบซ่อนตัวอย่างเต็มใจ
"เมื่อมีการลงนามในกฏหมายปกปิดความลับนานาชาติเมื่อ ค.ศ. 1689 ผู้วิเศษทั้งหลายก็หลบซ่อนตัวตลอดกาล
พวกเขาตั้งกลุ่มเล็กๆ ของตัวเองขึ้นในชุมชนต่างๆ ซึ่งก็คงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะทำอย่างนั้น
หมู่บ้านเล็กๆ และชุมชมน้อยๆ หลายแห่งกลายเป็นแหล่งรวมครอบครัวผู้วิเศษ
ซึ่งจับกลุ่มกันเพื่อช่วยเหลือและคุ้มครองดูแลกัน"
บาธิลด้า แบ็กช็อต : หนังสือ ประวัติศาสตร์เวทมนตร์
หลังจากดีเบตกันอย่างดุเดือดหลายต่อหลายครั้งในศาลสูงวิเซนต์กาม็อต (นำโดยราลส์ตัน พอตเตอร์ ซึ่งเป็นหัวหอกสำคัญในการผลักดันกฏหมายฉบับนี้ สวนทางกับเสียงส่วนใหญ่ที่ต้องการให้ทำสงครามกับมักเกิ้ล) บทบัญญติถูกตราขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1689 แต่ก็หลังจากนั้นอีกถึง 3 ปี (ค.ศ. 1692) บทบัญญตินี้จึงถูกบังคับใช้อย่างเป็นทางการ โดยกระทรวง/สภาเวทมนตร์ ทุกประเทศทั่วโลก
ในช่วงแรกที่บทบัญญติถูกตราขึ้น ครอบครัวมัลฟอย ตระกูลพ่อมดที่ร่ำรวยและมีอิทธิพลแสดงออกอย่างชัดเจนว่าคัดค้านกฏหมายนี้ เนื่องจากความมั่งคั่งและอิทธิพลจากการที่พวกเขาถูกจัดให้อยู่ในระดับชนชั้นสูงของสังคมมักเกิ้ล (พวกมัลฟอยถูกยกให้อยู่ในระดับเดียวกับพวกเชื้อพระวงศ์ในราชสำนักของอังกฤษ โดยเฉพาะในสมัยของวิลเลียมผู้พิชิตและราชินีเอลิซาเบธที่ 1) แม้พวกเขาจะยังคงยึดถือความเชื่อสายเลือดบริสุทธิ์อันสูงส่งและความคิดที่ว่าพ่อมดเป็นชนชั้นที่อยู่เหนือกว่าพวกมักเกิ้ลทั้งหมดก็ตาม การต่อต้านกฏหมายดังกล่าวนี้ของพวกเขา เพียงแค่เพราะกลัวว่าความมั่งคั่งและชื่อเสียงที่เคยได้รับมาตลอดจะต้องยุติลงนับแต่นี้เป็นต้นไป
อย่างไรก็ตาม เมื่อบทบัญญตินี้ถูกบังคับใช้ให้เป็นกฏหมาย พวกมัลฟอยก็ยอมตัดความสัมพันธ์ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับมักเกิ้ล เนื่องจากพวกเขาเริ่มตระหนักว่าหากดึงดันต่อต้านไป พวกเขาอาจถูกกีดกันให้ออกห่างไปจากแหล่งอำนาจแหล่งใหม่ที่เพิ่งจะเกิดขึ้นอย่างกระทรวงเวทมนต์แทน พวกเขาเปลี่ยนท่าทีจากหน้ามือเป็นหลังมือ โดยการออกเสียงสนับสนุนในการบังคับใช้กฏหมายปกปิดความลับนี้ และปฏิเสธหัวแข็งว่าเคยเกี่ยวข้องกับพวกมักเกิ้ล (แม้จะมีหลักฐานที่สามารถยืนยันได้อย่างชัดเจนโดยนักประวัติศาสตร์เวทมนต์ก็ตาม)
ตอนนี้ สังคมมักเกิ้ลและผู้วิเศษถูกแยกออกจากกันและเป็นเรื่องธรรมดาที่พ่อมดแม่มดจะต้องอยู่รวมกันดังที่ศาสตราจารย์บาธิลด้า แบ็กช็อต ได้เขียนไว้ในหนังสือของเธอ ประวัติศาสตร์เวทมนต์ ว่า "เป็นชุมชนเล็กๆ ที่ปะปนอยู่กับชุมชนขนาดใหญ่" บางครั้งครอบครัวพ่อมดหลายครอบครัวก็พร้อมใจกันที่จะหาทำเลเพื่อตั้งเป็นชุมชนหรือหมู่บ้านของตนเองขึ้นมา ซึ่งดีกว่า เพราะเป็นการดูแลระหว่างกันอีกทั้งยังช่วยกันป้องกันการสอดรู้สอดเห็นของพวกมักเกิ้ลอีกด้วย
หมู่บ้านทินเวอร์ตในคอร์นวอลล์ อับเปอร์ฟลาย์ในยอร์กไชร์ แคชโพล์ในเดวอน และก็อดดริกฮอลโลว์ในทางตะวันตกของประเทศ เป็นหมู่บ้านพ่อมดที่มีชื่อเสียงที่สุดเพียงไม่กี่แห่ง ซึ่งทุกวันนี้มีผู้วิเศษอาศัยอยู่ไม่ถึงครึ่งของชุมชนแล้ว
บทบัญญติระบุไว้ว่า เป็นหน้าที่ของกระทรวงเวทมนต์ (หรือในบางประเทศที่เป็นสภาพ่อมด) ที่จะต้องปกปิดการมีอยู่ของชุมชนผู้วิเศษในประเทศของตนเอง โดยกระทรวงมีหน้าที่ในการควบคุมสิ่งมีชีวิตวิเศษ, จับตาดูการใช้เวทมนต์ของพ่อมดแม่มดที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะและสร้างมาตรการที่รัดกุมสำหรับเกมส์และกีฬาเวทมนต์ ว่าจะไม่ถูกพบเห็นโดยพวกมักเกิ้ล
"รัฐบาลของพ่อมดมีหน้าที่รับผิดชอบในการปกปิด ดูแล และควบคุมสัตว์วิเศษ, สิ่งมีชีวิตวิเศษ รวมทั้งวิญญาณ ที่อยู่ในเขตรับผิดชอบของตนเอง หากกลุ่มสิ่งมีชีวิตดังกล่าวก่อความวุ่นวายหรือสร้างความเสียหายแก่ชุมชนของมักเกิ้ล รัฐบาลของพ่อมดของประเทศนั้นจะต้องถูกสอบสวนโดยสมาพันธ์พ่อมดนานาชาติ"
"เมื่ออยู่ท่ามกลางพวกมักเกิ้ล พ่อมดแม่มดจะต้องสวมใส่ชุดของมักเกิ้ลให้สมบูรณ์ โดยจะต้องสอดคล้องและใกล้เคียงกับแฟชั่นในช่วงเวลานั้นให้มากที่สุด นอกจากนั้นจะต้องเข้ากับ สภาพอากาศ,โอกาสต่างๆและภูวัฒนธรรมของท้องถิ่นนั้นๆ เพื่อจะได้ไม่ต้องตกเป็นเป้าสายตาของพวกชอบสอดรู้สอดเห็น "
** ในบรรดาข้อบังคับทั้งหมดของบทบัญญัติปกปิดความลับ การทำผิดกฏในเรื่องการแต่งกาย เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยที่สุด
บทบัญญัตินี้ระบุไว้ชัดเจนว่า การเล่นควิดดิชท่ามกลางพวกมักเกิ้ลเป็นเรื่องต้องห้ามอย่างร้ายแรง แต่พวกเขาได้รับอนุญาติให้เล่นกีฬาของมักเกิ้ลได้ทุกชนิด (ตราบใดที่ยังไม่ใช้เวทมนต์ในการเล่นกีฬา)
ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดของการละเมิดบทบัญญัติปกปิดความลับนานาชาติคือ การใช้เวทมนต์ต่อหน้ามักเกิ้ล โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร (พ่อมดได้รับอนุญาตให้ใช้เวทมนต์ต่อหน้ามักเกิ้ลได้ ในกรณีที่มีอันตรายถึงชีวิต)
สก็อตแลนด์และทิเบต เป็นสองประเทศที่มีการละเมิดมาตรา 73 ของบทบัญญัติปกปิดความลับนานาชาติอย่างเด่นชัดที่สุด สก็อตแลนด์คือแหล่งที่อยู่ของตัวเคลปี้ขนาดใหญ่ ที่พวกมักเกิ้ลรู้จักกันในชื่อของ สัตว์ประหลาดแห่งล็อกเนส ซึ่งมันดูเหมือนจะชอบเป็นที่สนใจของพวกมักเกิ้ลเอามากๆ ขณะที่ทิเบต การปรากฏตัวของพวกเยติ เป็นภารกิจเร่งด่วนที่สมาพันธ์พ่อมดนานาชาติจะต้องแก้ไขโดยการจัดตั้งศูนย์ที่เทือกเขาในทิเบต เพื่อควบคุมฝูงเยติโดยเฉพาะ
การแต่งงานระหว่างมักเกิ้ลกับพ่อมดหรือแม่มด กลายเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากขึ้นหลังจากการประกาศใช้บทบัญญัตินี้ พ่อมดแม่มดหลายคนไม่กล้าที่จะเปิดเผยสถานะของตนเองให้กับคู่ครองที่เป็นมักเกิ้ลรับรู้ นอกจากจะเสี่ยงต่อการละเมิดบทบัญญัติการปกปิดความลับแล้ว ยังไม่อาจรับประกันผลที่ตามมาได้ว่าพวกมักเกิ้ลจะรู้สึกอย่างไรถ้าคู่ชีวิตของตนเองเป็นพวกแปลกประหลาด แต่โดยส่วนใหญ่แล้วความลับนี้มักจะถูกเปิดเผยในที่สุด เมื่อพวกเขามีลูกด้วยกันและลูกของพวกเขาดันมีลักษณะของเวทมนต์ปรากฏออกมาตั้งแต่ยังเป็นทารก
ดอร์คัส ทเวฟทรีส์ แม่มดชาวอเมริกัน ละเมิดบทบัญญัติปกปิดความลับอย่างร้ายแรง เมื่อเธอเผลอบอกความลับให้กับโนแมจซึ่งเป็นลูกหลานของสเกาเรอร์นามว่า บาร์โธโลมิว แบร์โบน เธอไม่เพียงแต่เผยการมีอยู่จริงของมาคูซาและกฏหมายปกปิดความลับนี้ แต่ยังบอกถึงที่ตั้งของอิลเวอร์มอร์นีอีกด้วย สุดท้ายแบร์โบนขโมยไม้กายสิทธิ์ของเธอไป แล้วไปตามกลุ่มโนแมจผู้บ้าคลั่งมาเพื่อเตรียมออกล่าพ่อมดตามข้อมูลที่ดอร์คัสให้มาทั้งหมด โชคดีที่แบร์โบนถูกตำรวจโนแมจจัดการเสียก่อน แต่จากเหตุการณ์ครั้งนี้ที่หวิดจะเกิดจราจลทำให้ เอมิลี่ แรพพาพอร์ต ประธานของมาคูซาในขณะนั้น ออกกฏหมายแรพพาพอร์ต ซึ่งบังคับให้ชุมชนผู้วิเศษในอเมริกาห้ามติดต่อกับพวกโนแมจอย่างเด็ดขาด ซึ่งกฏหมายนี้จะบังคับใช้ไปอีกร้อยปีในอเมริกา
ออบสคูรัสซึ่งแฝงตัวอยู่ในนิวยอร์ก ได้ออกอาละวาดฆ่าโนแมจตายไปคนหนึ่งและทำลายนิวยอร์กไปเกือบครึ่งเมือง เซราฟิน่า พิกคอรี่ ประธานของมาคูซาสั่งให้ระงับเหตุอย่างเร่งด่วน ก่อนจะพบว่าเกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์ พ่อมดศาสตร์มืดชื่อดังอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ครั้งนี้ สุดท้ายด้วยความช่วยเหลือจากนิวท์ สคามันเดอร์ ซึ่งใช้น้ำยาลบความจำร่วมกับนกธันเดอร์เบิร์ด จึงช่วยให้มาคูซารอดพ้นหายนะไปได้อย่างหวุดหวิด
ในช่วงหน้าร้อนวันหนึ่ง ขณะที่ชายหาดเต็มไปด้วยมักเกิ้ลที่กำลังนอนอาบแดด จู่ๆ มังกรพันธุ์เวลส์สีเขียวตัวหนึ่งก็บินโฉบลงไปโดยไม่มีใครได้ทันตั้งตัว หายนะภัยครั้งนั้นถูกช่วยไว้โดยครอบครัวโท้ค ซึ่งเป็นครอบครัวพ่อมดและกำลังพักร้อนอยู่ในแถบนั้นพอดี พวกเขาร่ายคาถาลบความทรงจำชุดใหญ่ที่สุดของศตวรรษที่ 20 เพื่อลบความทรงจำมักเกิ้ลที่อยู่ในแถบอิลฟราคอมบ์ ทำให้พวกเขาได้รับเหรียญตราแห่งเมอร์ลินขั้นหนึ่ง ในฐานะที่ช่วยหยุดหายนะภัยที่อาจเกิดขึ้นได้ในครั้งนั้น แต่ก็มีมักเกิ้ลบางคนที่หลุดรอดคาถาหลบความจำของครอบครัวโท้กไปได้ คนนึงคือต่าเฒ่าเดิรฺ์ก ที่ถึงแม้จะผ่านมา 40 ปีแล้ว ก็ยังรำพึงถึง กิ้งก่าเขียวตัวยักษ์ที่หล่นลงมาทับเรือยางของแกแบนแต๊ดแต๋
กฏหมายนี้เป็นหัวใจสำคัญที่กำหนดรูปแบบสังคมผู้วิเศษในจักรวาลโลกเวทมนตร์ของเจ.เค.โรว์ลิ่ง พ่อมดแม่มดไม่สามารถใช้เวทมนตร์ได้อย่างอิสระเมื่อต้องอยู่ท่ามกลางพวกมักเกิ้ล การฝ่าฝืนบทบัญญัตินี้มีบทลงโทษที่รุนแรง ในบางประเทศถึงขั้นประหารชีวิต (อย่างในอเมริกา)
ประเด็นสำคัญนี้นำไปสู่การตั้งคำถามที่ว่า
" ทำไมพ่อมดต้องเป็นฝ่ายที่หลบซ่อน ในเมื่อพวกเขามีเวทมนตร์
ซึ่งเป็นพลังอำนาจวิเศษที่เหนือกว่าพวกมักเกิ้ลอย่างไม่ต้องสงสัย
พ่อมดควรจะใช้เวทมนตร์ได้อย่างอิสระโดยไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ"
คำถามเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่าตัวบทกฏหมายปกปิดความลับก็สร้างปัญหาได้เช่นกัน เพราะไม่ใช่พ่อมดทุกคนที่จะเห็นด้วยและยอมรับการหลบซ่อนตัว นั่นจึงก่อให้เกิดการเคลื่อนไหว ซึ่งมีมาตั้งแต่ตอนร่างกฏหมาย จนกระทั่งประกาศใช้ก็ยังมีการต่อต้านกฏหมายนี้อยู่เรื่อยๆ แน่นอนว่าส่วนใหญ่มาจากพวกกลุ่มเลือดบริสุทธิ์ ซึ่งรังเกียจพวกมักเกิ้ล
การต่อต้านค่อยๆ เงียบลงไปในช่วงศตวรรษที่ 19 จนกระทั่งเข้าสู่ช่วงศตวรรษที่ 20 จึงได้เกิดการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่เพื่อต่อต้านกฏหมายปกปิดความลับ นำโดยพ่อมดศาสตร์มืดชื่อดังนามว่าเกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์
"วิถีเก่าๆ ใช้กับพวกเราไม่ได้อีกต่อไป พวกคุณมาในวันนี้เพราะกระหายที่จะได้สิ่งใหม่ๆ บางอย่างที่แตกต่าง
เวทมนตร์เกิดขึ้นได้ เฉพาะกับพวกที่พิเศษ มันถูกมอบให้กับผู้มีชีวิตเพื่อสิ่งที่สูงส่งกว่า
แล้วโลกแบบไหนกันล่ะ ที่เราควรสร้างขึ้นเพื่อมนุษยชาติ
พวกเราที่อยู่เพื่ออิสรภาพ เพื่อความจริงและเพื่อความรัก
ผมมาเพื่อแบ่งปันวิสัยทัศน์แห่งอนาคต
และคงไม่เกิดขึ้นหากเราไม่ลุกขึ้นมาและยึดครองพื้นที่อันเป็นสิทธิโดยชอบธรรมในโลกนี้"
เกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์ : ปราศัย ณ สุสานแปร์ ลาเชส กรุงปารีส
จากคำปราศรัยนี้ นอกจากจะแสดงให้เห็นถึงวาทะศิลป์ชั้นยอดของกรินเดลวัลด์แล้ว เขาได้พูดสิ่งที่อยู่ในใจของพ่อมดแม่มดอีกหลายคน ที่ได้รับผลกระทบจากกฏหมายปกปิดความลับ ไม่ใช่แค่เพราะต้องเก็บซ่อนเวทมนตร์เท่านั้น มีหลายครั้งที่พ่อมดถูกคุกคามจากคนที่ไม่มีเวทมนตร์แต่พวกเขาไม่อาจสู้กลับได้ กลับต้องหลบหนีและหลบซ่อนตัว
หรือในบางครั้ง ความรักที่เกิดขึ้นระหว่างผู้วิเศษกับคนที่ไม่มีเวทมนตร์ แต่พวกเขาไม่อาจใช้ชีวิตร่วมกันได้ เพราะกฏหมายฉบับนี้ในบางประเทศมีข้อห้ามที่รุนแรง (อย่างเช่นกฏหมายแรพพาพอร์ตในอเมริกา) หากพวกเขาดึงดันจะใช้ชีวิตร่วมกัน ฝั่งคนที่มีเวทมนตร์ก็จะถูกจับเข้าคุกหรือไม่ก็ประหารชีวิต ส่วนอีกฝั่งที่ไม่มีเวทมนตร์ก็จะถูกลบความทรงจำไป ความเข้มงวดที่มากเกินไปของกฏหมายนี้ จึงถึงคราวระเบิด เมื่อกรินเดลวัลด์เป็นแกนนำออกมาเคลื่อนไหว และไม่แปลกใจเลยที่เขาสามารถเก็บผู้สนับสนุนได้จำนวนมากในระยะเวลาไม่นาน
มนุษย์ส่วนใหญ่บนโลก เมื่อลองเทียบอัตราส่วนระหว่างมักเกิ้ล (คนไม่มีเวทมนตร์) กับพ่อมดแม่มด (คนที่มีเวทมนตร์) ประชากรกลุ่มหลังนั้นมีสัดส่วนที่น้อยกว่ามาก ก็คือพ่อมดแม่มด พวกเขาเป็นแค่ประชากรส่วนน้อยนั่นเอง ดังนั้นการเปลี่ยนวิถีชีวิตด้วยการอยู่แบบหลบซ่อนตัวจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด การทำสงครามกับมักเกิ้ล ไม่มีหลักประกันอะไรเลยที่จะบอกว่าพ่อมดต้องเป็นฝ่ายชนะ และในช่วงศตวรรษที่ 17 นั้น พัฒนาการด้านเทคโนโลยีของพวกมักเกิ้ลก็กำลังเริ่มต้นขึ้น จนนำไปสู่การปฏิวัติอุตสาหกรรมในช่วงต้นศตวรรษต่อมา
อีกประการหนึ่ง ความหวาดกลัวเวทมนตร์ของพวกมักเกิ้ลจะยังไม่คงหายไป ซึ่งมันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่จะหวาดกลัวหรือต่อต้านอะไรก็ตามที่แตกต่างจากตนเอง หากก่อสงครามขึ้นจริงมันอาจจะยืดเยื้อไปอีกหลายร้อยปี และพ่อมดแม่มดที่มองการณ์ไกลต่างทราบกันดีว่าพวกเขาไม่ควรประมาทในศักยภาพของมักเกิ้ล ซึ่งทุกวันนี้ก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าพวกเขาสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ - แถมสะดวกสบายด้วย - โดยไม่ต้องใช้เวทมนตร์เข้ามาช่วย จนแม้แต่พ่อมดบางกลุ่มก็อดชื่นชมในเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ ของพวกมักเกิ้ลไม่ได้ - ซึ่งพวกเขาก็แอบเอาบางอย่างมาประยุกต์ใช้ในโลกเวทมนตร์ด้วย เช่น รถไฟ รถยนต์ รถเมล์ ไปจนถึงวิทยุและหนังสือพิมพ์
ดังนั้นพ่อมดส่วนใหญ่จึงเห็นชอบกับกฏหมายฉบับนี้ แม้มันอาจจะทำให้พวกเขาใช้ชีวิตได้ยากลำบากขึ้นสักเล็กน้อยก็ตาม แต่เพื่อความสงบสุขของโลกนี้ พวกเขาจึงยอมเสียสละความสะดวกสบาย แล้วหันไปใช้ชีวิตแบบหลบๆ ซ่อนๆ แทน
แปลไทยและเรียบเรียงโดย Shootty แอดมินเพจ พอตเตอร์ไดอารี่
หากนำบทความออกไปโปรดอ้างอิงเว็บไซต์และผู้เรียบเรียง