เพ็ตทูเนีย มีปมจากวัยเด็ก เพราะลิลี่น้องสาวของเธอมีเวทมนตร์ จึงทำให้ลิลี่กลายเป็นลูกคนโปรด ที่ได้รับความรัก ความสนใจจากพ่อแม่มากกว่า เธออิจฉาลิลี่ และต้องแกล้งทำเป็นว่าเกลียดเวทมนตร์ ทั้งที่ลึกๆ ในใจเธอก็อยากเป็นแบบลิลี่ จนถึงขั้นเคยเขียนจดหมายไปหาดัมเบิลดอร์เพื่อขอเข้าเรียนที่ฮอกวอตส์ด้วย (แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ และดัมเบิลดอร์ก็เขียนตอบกลับมาอย่างสุภาพและเห็นอกเห็นใจ) เมื่อแน่ชัดแล้วว่าไม่มีทางที่เธอจะมีเวทมนตร์ได้ ความน้อยใจและความอิจฉาที่มีจึงระเบิดออกมา เธอเรียกลิลี่ว่า ยัยตัวประหลาด และพยายามที่จะตัดขาดกับเธอ (แม้ลึกๆ ในใจเธอก็รู้ดีว่าลิลี่นั้นยังคงรักและห่วงใยเธออยู่เสมอ) เมื่อเพ็ตทูเนียเติบโตขึ้น เธอออกจากบ้านเดิม มุ่งหน้าสู่ลอนดอนเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ พร้อมกับความแน่วแน่ที่จะตัดลิลี่ออกไปจากชีวิต แต่ก็เหมือนโชคชะตาเล่นตลก เมื่อเธอตื่นขึ้นมาในเช้าตรู่วันหนึ่งและพบหลานชายอายุเพียงแค่ขวบเดียวอยู่ที่บันไดหน้าประตูบ้าน พร้อมกับจดหมายแจ้งข่าวการตายของน้องสาว
เวอร์นอน ก่อนแต่งงานกับเพ็ตทูเนีย เขาได้ทราบเรื่องราวคร่าวๆ เกี่ยวกับพวกพอตเตอร์มาก่อนหน้าแล้วบ้าง เวอร์นอนพยายามที่จะไม่สร้างอคติกับพวกพอตเตอร์ในครั้งแรกที่เจอกัน - เมื่อลิลี่ซึ่งกำลังจะแต่งงาน ได้ชวนเพ็ตทูเนียและเวอร์นอน (คู่หมั้นของเธอในตอนนั้น) ออกมาทานอาหารเย็นร่วมกัน - เมื่อเวอร์นอน ผู้ซึ่งเจ้าพิธีการและรักความเป็นทางการต้องมาเจอกับเจมส์ พอตเตอร์ ลูกชายคนเดียวที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างตามใจ และไม่เรียนรู้ที่จะรักษามารยาทในการสนทนา เรื่องตลกที่เจมส์พยายามทำกลับกลายเป็นตลกร้ายสำหรับเวอร์นอน และลงเอยด้วยการที่เวอร์นอนกับเพ็ตทูเนียลุกออกไปจากร้านอาหาร ด้วยความโกรธ และยิ่งแฮร์รี่โตขึ้นมาด้วยใบหน้าที่คล้ายเจมส์มาก ลุงเวอร์นอนจึงอคติกับแฮร์รี่เหมือนกับสเนปไม่มีผิดเพี้ยน
ดัดลีย์ ไม่ได้มีประเด็นหรือปมปัญหาจากพ่อแม่ของแฮร์รี่ แต่การถูกเลี้ยงดูแบบตามใจจากเวอร์นอนและเพ็ตทูเนีย ก็ส่งผลให้เขาเป็นจอมอันธพาล เอาแต่ใจ และการกลั่นแกล้งแฮร์รี่ก็เป็นหนึ่งในเรื่องปกติธรรมดาสำหรับเขา เพราะมีพ่อกับแม่คอยให้ท้ายอยู่ตลอด
Key สำคัญของเรื่องนี้อยู่ที่ป้าเพ็ตทูเนีย
ดัมเบิลดอร์ทิ้งจดหมายไว้กับแฮร์รี่ที่หน้าประตูบ้าน จดหมายที่อธิบายเรื่องราวทุกอย่างว่าเกิดอะไรขึ้นกับแฮร์รี่และพ่อแม่ของเขา พร้อมกับข้อความที่บอกเป็นนัยๆ ว่าเพ็ตทูเนียคือความหวังเดียวที่จะช่วยคุ้มกันแฮร์รี่ให้อยู่รอดปลอดภัยจากโวลเดอมอร์และกลุ่มผู้เสพความตาย
แต่มันก็มีเรื่องอื่นนอกจากนั้นด้วย.. จริงอยู่ที่เพ็ตทูเนียนั้นเกลียดน้องสาวและพยายามตัดลิลี่ออกไปจากชีวิต แต่ลิลี่ไม่เคยเกลียดเพ็ตทูเนีย เธอพยายามอยู่ตลอดเวลาที่จะประสานรอยร้าวกับพี่สาว และเพ็ตทูเนียเองก็รู้สึกได้ แต่เธอเก็บซ่อนมันไว้ในส่วนลึกของจิตใจ เมื่อได้อ่านจดหมายของดัมเบิลดอร์เธอจึงรู้สึกว่า ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนี่ นอกจากรับแฮร์รี่เข้ามาอยู่ในครอบครัวด้วย แต่แน่นอนว่าความเกลียดชังที่มีต่อลิลี่นั้นยังคงมีอยู่ เธอจึงเลี้ยงแฮร์รี่ขึ้นมาแบบไม่เอาใจใส่นัก
สำหรับลุงเวอร์นอนไม่ต้องพูดถึง แม้เขาจะไม่อยากยอมรับแฮร์รี่เข้ามาอยู่ด้วย แต่เมื่อเพ็ตทูเนียตัดสินใจแล้วเขาก็เคารพการตัดสินใจของเธอ
หลายร้อยเรื่องราวที่พวกเดอร์สลีย์ทำกับแฮร์รี่ในช่วงวัยเด็ก กลายเป็นแผลในใจเขาไปอีกนานแม้จะโตขึ้น นอกจากพวกเดอร์สลีย์ทั้งสามคนแล้ว ในบางครั้งก็มี "ป้ามาร์จ" พี่สาวของลุงเวอร์นอนเข้ามาผสมโรงด้วย แม้เธอกับแฮร์รี่จะไม่ได้เป็นญาติกัน แต่ป้ามาร์จก็สร้างรอยแผลและปมในใจฝากไว้ให้กับแฮร์รี่อยู่หลายครั้ง ทั้งขนมบิสกิตสำหรับสุนัขให้แฮร์รี่เป็นของขวัญวันคริสมาตร์ รวมถึงการปล่อยให้สุนัขบลูด๊อกของเธอไล่กัดแฮร์รี่อยู่เกือบทั้งวัน
แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะความเกลียดที่มีต่อพ่อแม่ของแฮร์รี่เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงความหวาดกลัวเวทมนตร์ที่มีในตัวเด็กชายด้วย เวอร์นอนและเพ็ตทูเนียคิด(ไปเอง)ว่าหากพวกเขากดขี่แฮร์รี่มากเพียงใด จะสามารถรีดเวทมนตร์ออกไปจากตัวเขาได้ (ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขาทำไม่สำเร็จ - ไม่มีวันทำได้) กลับกลายเป็นว่ายิ่งพวกเขากดขี่แฮร์รี่มากแค่ไหน กลับยิ่งทำให้แฮร์รี่เผลอใช้เวทมนตร์โดยไม่รู้ตัว
เวอร์นอนและเพ็ตทูเนีย เลี้ยงดูแฮร์รี่ขึ้นมาโดยเอาความเกลียดชังที่มีต่อพ่อแม่ของแฮร์รี่ไปลงกับเขาเกือบหมด ไม่เพียงแต่จะคอยกลั่นแกล้งแฮร์รี่เท่านั้น แต่ยังแสดงออกถึงความลำเอียงอย่างชัดเจนระหว่างแฮร์รี่กับดัดลีย์ ซึ่งเราก็เห็นอยู่แล้วในตอนแรกสุดของเล่มศิลาอาถรรพ์ ว่าถึงแม้จะไม่รับแฮร์รี่เข้ามา ทั้งสองก็สปอลย์ลูกชายราวกับเทวดาอยู่แล้ว ดังที่ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูดไว้นั่นล่ะ
"...ฉันเห็นเจ้าเด็กนั่นเตะแม่ไปตลอดทาง ตะเบ็งเสียงลั่นจะเอาขนม.."
ดังนั้นการที่มีแฮร์รี่เข้ามาอยู่ด้วย จึงยิ่งทำให้ดัดลีย์ได้รับความรักความสนใจจากพ่อแม่เพิ่มเป็นเท่าทวีคูณ สำหรับเพ็ตทูเนียเธออาจจะต้องการให้ลูกชายได้ความรักอย่างเต็มที่ในแบบที่เธอไม่เคยได้รับ - ถ้าจะหาเหตุผลให้เธออย่างชอบธรรม ก็ต้องบอกว่า เธอต้องการชดเชยปมในใจจากวัยเด็ก
ซึ่งเธอไม่เคยตระหนักรู้ ว่ามันกำลังสร้างผลลัพธ์ที่เสียหายร้ายแรงขนาดไหนกับตัวของดัดลีย์เอง...
"...การถูกเลี้ยงดูโดยครอบครัวอย่างมัลฟอยและเดอร์สลีย์จะสร้างความเสียหายอย่างมากต่อพฤติกรรมของเด็ก..."
คำยืนยันจาก เจ.เค.โรว์ลิ่ง ผู้ประพันธ์ การเลี้ยงดูลูกแบบพวกเดอร์สลีย์นั้นสร้างผลเสียร้ายแรงอย่างคาดไม่ถึง ซึ่งเราเห็นได้ชัดเจนในช่วงเล่มถ้วยอัคนีและภาคีนกฟินิกซ์ ว่าเขาถูกตามใจจนเสียคน รายงานพฤติกรรมจากโรงเรียนบ่งบอกถึงการที่เขาชอบใช้กำลังกับผู้อื่น ดัดลีย์ตั้งแก๊งอันธพาลทำลายข้าวของสาธารณะ ผลการเรียนก็ย่ำแย่ เขาไม่เคยถูกฝึกให้มีระเบียบวินัย เห็นได้จากการปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้น้ำหนักของตัวเองเพิ่มขึ้นจนเกือบเท่ากับลูกวาฬเพชรฆาต แต่ทั้งเวอร์นอนและเพ็ตทูเนียก็ยังมองไม่เห็นถึงความผิดพลาดของตนเอง ที่กำลังสะท้อนออกมาในตัวของลูกชาย
ฤดูร้อน 1995 ในวันหนึ่งที่ร้อนที่สุด แฮร์รี่กับดัดลีย์เผชิญหน้ากับผู้คุมวิญญาณ พวกมันเข้าจู่โจมดัดลีย์และพยายามจะมอบจุมพิตให้ ณ ช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายนั้น แฮร์รี่เสกคาถาผู้พิทักษ์แล้วไล่พวกมันไปได้สำเร็จ แต่สำหรับดัดลีย์ เขาได้เห็นภาพที่น่ากลัวที่สุดในชีวิต..
"...เขาเห็นตัวเอง ตัวเขาเองจริงๆ : เด็กที่ถูกตามใจจนเหลิงและชอบบูลลี่คนอื่น
เป็นการกระตุกจิตใต้สำนึกให้กับเขาอย่างรุนแรง และเขาคิดได้ในที่สุดว่าต้องเปลี่ยนตัวเอง..."
เจ.เค.โรว์ลิ่ง
นั่นล่ะครับ เรียกได้ว่าดัดลีย์เจอบทเรียนชีวิตที่หนักมากในเย็นวันนั้น ผู้คุมวิญญาณได้เปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล อีกแง่หนึ่งในเหตุการณ์ครั้งนั้น ไม่เพียงแค่แฮร์รี่ได้ช่วยชีวิตลูกพี่ลูกน้องที่ชอบแกล้งเขามาตั้งแต่เด็กเท่านั้น แต่มันได้เปลี่ยนดัดลีย์ เดอร์สลีย์ให้กลายเป็นอีกคนในอีกสองสามปีต่อมา เขาได้พบว่าแฮร์รี่ไม่ใช่แค่คนที่ถือไม้กายสิทธิ์เอามาแกล้งขู่เขาเล่นๆ แต่ลูกพี่ลูกน้องของเขาเป็นพ่อมดที่เก่งกาจมากจริงๆ
หลังจากการโจมตี แฮร์รี่ต้องแบกดัดลีย์กลับไปบ้านด้วยกำลังของตัวเอง แถมไม่วายยังเกือบถูกลุงเวอร์นอนไล่ออกจากบ้าน ดีที่ว่าดัมเบิลดอร์ส่งจดหมายกัมปนาทมาเตือนป้าเพ็ททูเนียว่าเคยรับปากอะไรไว้ สุดท้ายป้าเพ็ตทูเนียจึงยืนกรานให้แฮร์รี่อยู่ในบ้านต่อไป
ถึงตรงนี้เราอาจจะพอสรุปได้บ้างว่าแฮร์รี่รู้สึกอย่างไรกับพวกเดอร์สลีย์ จริงอยู่ที่พวกเขาเลี้ยงดูแฮร์รี่แบบทิ้งๆ ขว้างๆ อีกทั้งยังกดขี่ข่มเหงเขาด้วยความเชื่อ (ที่ว่าจะรีดเวทมนตร์ออกไปจากตัวเขาได้) และความเกลียด (ที่มีต่อพ่อแม่ของเขา) แต่ถึงอย่างไร.. พวกเขาก็ยอมรับเลี้ยงแฮร์รี่ไว้นานถึง 17 ปี
"...เขารับเลี้ยงเธอ อาจจะรับเธอไว้ด้วยความงุ่นง่าน โมโห ไม่เต็มใจ คับแค้น แต่อย่างไรเขาก็รับเลี้ยงเธอ
และเมื่อทำเช่นนั้น เขาได้ปิดผนึกคาถาที่ฉันเสกใส่เธอไว้..."
อัลบัส ดัมเบิลดอร์
อย่างที่ผมกล่าวไปในตอนแรกสุดว่า ป้าเพ็ตทูเนียเป็นความหวังเดียวที่จะช่วยคุ้มครองแฮร์รี่ นั้นไม่ใช่คำกล่าวอ้างที่เกินจริง แต่มันคือความจริงนะครับ ความจริงที่ว่าเลือดของลิลี่จะช่วยคุ้มครองให้แฮร์รี่อยู่รอดปลอดภัย จนกว่าเขาจะพร้อมเผชิญหน้ากับโวลเดอมอร์ และเลือดของแม่แฮร์รี่ก็ยังคงเหลืออยู่ในสายเลือด นั่นคือพี่สาวของเธอ ซึ่งก็คือป้าเพ็ตทูเนียนั่นเอง เธอรู้ดีว่าเมื่อยกห้องให้แฮร์รี่สักห้องหนึ่งในบ้านเดอร์สลีย์ นั่นก็เท่ากับช่วยให้แฮร์รี่มีชีวิตรอดอยู่มาได้ถึง 17 ปีเต็ม
แต่แน่นอนว่ามันไม่ใช่แค่เรื่องจำยอมต้องช่วยเพราะไม่มีทางเลือกอย่างเดียว จริงๆ แล้วก็ยังมีความรักแฝงอยู่ด้วย แม้เราจะแทบไม่ได้เห็นเพราะความเกลียดซึ่งเกิดจากปมในใจนั้นมันกลบไปหมด แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าป้าเพ็ตทูเนียเกลียดน้องสาวจริง เธอคงไม่สนหรอกว่าแฮร์รี่ (ซึ่งเป็นหลานชายแท้ๆ เพียงคนเดียว) จะเป็นตายร้ายดีอย่างไร และอาจส่งเขาไปอยู่บ้านเด็กกำพร้าตั้งแต่แรกแล้ว แต่เธอเลือกที่จะเลี้ยงดูเขา - แฟนเพจผมหลายคนเคยบอกว่า ลองนึกภาพในช่วง 2-3 ปีแรกที่แฮร์รี่ยังแบเบาะ ใครล่ะที่ต้องคอยป้อนข้าวป้อนน้ำและเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ - ส่งเข้าโรงเรียนอนุบาล โรงเรียนประถม เพื่อให้แฮร์รี่ได้รับการศึกษา และจริงๆ พวกเขาก็เตรียมส่งแฮร์รี่ให้เรียนต่อชั้นมัธยมด้วยซ้ำ (แน่นอนว่าเขารู้สถานะตัวเองก่อน เลยได้มาเรียนที่ฮอกวอตส์แทน)
สิ่งต่างๆ ที่ป้าเพ็ตทูเนียทำ เป็นเครื่องยืนยันได้อย่างดีว่าเธอรักแฮร์รี่รึเปล่า ส่วนดัดลีย์ตั้งแต่ที่แฮร์รี่ช่วยชีวิตเขาไว้ เขาก็ทำดีกับแฮร์รี่ขึ้นเป็นกอง ปัจจุบันแฮร์รี่ยังคงไปเยี่ยมดัดลีย์พร้อมกับครอบครัวในวันคริสมาตร์ของทุกปี
คุณสามารถอ่านเรื่องราวของพวกเดอร์สลีย์เพิ่มเติมได้ที่ >> เวอร์นอนและเพ็ตทูเนีย บทความต้นฉบับจาก เจ.เค.โรว์ลิ่ง
แปลไทยและเรียบเรียงโดย Shootty แอดมินเพจ พอตเตอร์ไดอารี่
หากนำบทความออกไปโปรดอ้างอิงเว็บไซต์และผู้เรียบเรียง