วันเกิด : ช่วงฤดูร้อน ปี ค.ศ. 1881
ไม้กายสิทธิ์ : ไม้เอลเดอร์ แกนขนหางเธสตรอล ยาว 11 นิ้ว
สถานะทางสายเลือด : เลือดผสม
บ้านที่ฮอกวอตส์ : กริฟฟินดอร์
ครอบครัว : น้องชายหนึ่งคนและน้องสาวหนึ่งคน ไม่ได้แต่งงาน
ความสามารถพิเศษ : ความเชี่ยวชาญในแทบทุกแขนงสาขาเวทมนตร์ ที่เชี่ยวชาญเป็นพิเศษคือการแปลงร่างและการพินิจใจ
งานอดิเรก : เล่นโบว์ลิ่งแบบสิบพินและฟังดนตรีแชมเบอร์
อัลบัส ดัมเบิลดอร์ถือกำเนิดขึ้นในช่วงฤดูร้อนของปี ค.ศ. 1881 ณ หมู่บ้านโมลด์ออนเดอะเวิล์ด อัลบัสเป็นลูกชายคนโตของเพอร์ซิวาลและเคนดราดัมเบิลดอร์ เขามีน้องชายหนึ่งคน คือ อาเบอร์ฟอร์ธ และน้องสาวอีกหนึ่งคนคือ แอรีอานนา
เมื่ออัลบัสอายุได้สิบปี จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญก็มาถึงครอบครัวดัมเบิลดอร์ เมื่อแอรีอานนาถูกเด็กชายมักเกิ้ลสามคนรุมทำร้าย หลังจากที่เธอเผลอเสกเวทมนตร์ขณะที่อยู่ในสวนหลังบ้าน เด็กมักเกิ้ลทั้งสามแอบซุ่มดูอยู่ เมื่อเห็นแอรีอานนาใช้เวทมนตร์จึงเกิดความหวาดกลัว ทั้งสามแหวกรั้วต้นไม้เข้ามาในสวนแล้วรุมถามเธอว่า “กล” พวกนั้นเธอทำได้อย่างไร ด้วยอายุเพียงแค่หกปี แอรีอานนาไม่สามารถจะหาคำอธิบายอะไรมาตอบแก่เด็กมักเกิ้ลทั้งสามได้ ด้วยความลืมตัวประกอบกับความกลัว เด็กผู้ชายทั้งสามจึงพยายามที่จะหยุดแอรีอานนาไม่ให้เล่นกลประหลาดแบบนั้นอีก
สิ่งที่เด็กมักเกิ้ลทั้งสามทำกลายเป็นผลร้ายอย่างประเมิณค่าไม่ได้ ราวกับแอรีอานนาถูกทำลายไป ณ ตั้งแต่นาทีนั้น เธอไม่กล้าใช้เวทมนตร์อีกเลย แต่ก็เป็นความจริงเช่นกันที่เธอนั้นเป็นแม่มด ฉะนั้นเธอจึงไม่สามารถกำจัดเวทมนตร์ออกไปจากตัวเธอได้ เมื่อเวทมนตร์ถูกกักเก็บและสะสมไว้นานเข้า มันจึงย้อนกลับเข้าไปข้างในตัวและทำให้เธอกลายเป็นบ้า เมื่อใดก็ตามที่แอรีอานนาควบคุมมันไม่ได้ เวทมนตร์ที่ถูกกักไว้จะระเบิดออกมา ณ ช่วงเวลานั้นเธอจะกลายเป็นตัวประหลาดและอันตรายมาก ตรงข้ามกับในยามปกติที่เธอจะเป็นคนอ่อนหวานและขี้กลัว
เพอร์ซิวาลใจสลายเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับลูกสาว มันกลับกลายเป็นความแค้นให้เขาลงมือตามล่าเด็กชายมักเกิ้ลทั้งสามคนและทำร้ายพวกนั้น ส่งผลให้เขาถูกกระทรวงเวทมนตร์ควบคุมตัวและขังไว้ที่คุกอัซคาบัน เพอร์ซิวาลรับสารภาพแต่เขาไม่ยอมบอกเหตุผลกับทางการว่าทำไมถึงทำเช่นนั้น เพราะเขากลัวว่าหากกระทรวงรู้เรื่องแอรีอานนา เธอจะต้องถูกส่งเข้าไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลเซนต์มังโกตลอดชีวิต ตอนนี้เธอเป็นอันตรายอย่างร้ายแรงต่อบทบัญญัติปกปิดความลับนานาชาติ เพราะเมื่อใดก็ตามที่แอรีอานนาควบคุมตัวเองไม่ได้ เวทมนตร์ในตัวเธอจะระเบิดออกมาทันที
หลังจากที่เพอร์ซิวาลถูกขัง เพื่อหลบเลี่ยงการถูกจับตามองจากทางการ เคนดราตัดสินใจย้ายครอบครัวไปยังก็อดดริกส์โฮลโล่ เธอบอกแก่ทุกคนว่าแอรีอานนาไม่สบาย คนรอบตัวไม่เคยมีใครเห็นแอรีอานนาอีกเลยนับแต่นั้น เคนดรายอมทิ้งชีวิตที่เหลือของเธอเพื่อดูแลลูกสาว เธอต้องปฏิเสธไมตรีจากเพื่อนบ้านเพราะความหวาดกลัวว่าเรื่องราวของแอรีอานนาจะถูกเปิดเผย จากนั้นไม่นานครอบครัวดัมเบิลดอร์จึงอยู่อย่างโดดเดี่ยวในหมู่บ้านแห่งใหม่ และอัลบัสเองก็เรียนรู้ที่จะไม่พูดถึงน้องสาวและพ่อของเขากับคนอื่นๆ ในที่สาธารณะ
อัลบัสเข้าสู่ฮอกวอตส์ด้วยภาระอันหนักอึ้งจากข่าวของเพอร์ซิวาล เขาพยายามที่จะไม่พูดถึงโศกนาฏกรรมนี้ แต่เขาก็กล้ายอมรับ – กับบางคนที่กล้าถามเขาตรงๆ – ว่าพ่อของเขานั้นได้ลงมือในอาชญากรรมครั้งนี้จริงๆ แต่ก็เพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้นที่เขาจะยอมปริปากพูดถึงเรื่องน่าเศร้านี้ และคนรอบตัวของอัลบัสก็เรียนรู้ที่จะไม่เอ่ยถึงด้วย ในทางตรงกันข้าม บางคนยอมรับและสรรเสริญในการกระทำของเพอร์ซิวาลและทึกทักไปเองว่าอัลบัสนั้นเป็นพวกเกลียดมักเกิ้ลเหมือนกับพ่อเขา
เมื่อจบปีการศึกษาแรก อัลบัสก็ค่อยๆ กลบชื่อเสียของพ่อด้วยการถูกจดจำไว้ในฐานะนักเรียนที่เฉลียวฉลาดที่สุดเท่าที่โรงเรียนเคยมีมา ความฉลาดของอัลบัสยังเผื่อแผ่ไปยังคนรอบข้าง นอกจากปัญญาแล้วเขายังมอบความช่วยเหลือและกำลังใจให้กับคนรอบข้างอย่างเหลือเฟือ อัลบัสรู้ตัวตั้งแต่ตอนนั้นว่าเขามีความสุขที่สุดกับการสอน อัลบัสไม่เพียงชนะรางวัลสำคัญทุกรางวัลที่โรงเรียนตั้งไว้ แต่เขายังติดต่อคบหากับผู้วิเศษที่มีชื่อเสียงของยุคเป็นประจำอีกด้วย เช่น นิโคลัส แฟลมเมล นักเล่นแร่แปรธาตุผู้มีชื่อเสียง บาธิลดา แบ็กช็อต นักประวัติศาสตร์เวทมนตร์ชื่อดัง และอดัลเบิร์ต วาฟฟลิง นักทฤษฎีเวทมนตร์ บทความหลายชิ้นของเขาได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการชั้นนำ เช่น การแปลงร่างวันนี้ สิ่งที่ท้าทายในการเสกคาถา และ นักปรุงยาผู้บุกเบิกเชิงปฏิบัติ
เมื่ออัลบัสขึ้นปีสี่ อาเบอร์ฟอร์ธก็มาเข้าเรียนที่ฮอกวอตส์ ทั้งสองนั้นตรงข้ามกันสุดขั้ว อาเบอร์ฟอร์ธไม่ได้เป็นหนอนหนังสือและต่างจากอัลบัสตรงที่เขาพอใจจะยุติข้อขัดแย้งด้วยการต่อสู้ตัวต่อตัวมากกว่าจะถกกันด้วยเหตุผล
วันเกิดอายุครบสิบแปดปีของอัลบัสใกล้มาถึงในช่วงที่เขาเรียนจบจากฮอกวอตส์พร้อมกับชื่อเสียงอันรุ่งโรจน์ – เป็นประธานนักเรียน พรีเฟ็ค ผู้ชนะการแข่งขันเสกคาถายอดเยี่ยมของบาร์นาบัส ฟิงก์ลีย์ ตัวแทนเยาวชนอังกฤษในศาลสูงวิเซ็นกาม็อต และเจ้าของเหรียญทองผลงานนวัตกรรมในการประชุมนักเล่นแร่แปรธาตุนานาชาติที่ไคโร อัลบัสตั้งใจจะเดินทางรอบโลกกับเอลฟายอัส โดจ เพื่อนสนิทของเขา ทั้งสองพักผ่อนอยู่ที่ร้านหม้อใหญ่รั่วเพื่อเตรียมที่จะเดินทางไปกรีซในเช้าวันรุ่งขึ้น ตอนนั้นเองที่นกฮูกมาถึงอัลบัสพร้อมกับข่าวมรณกรรมของเคนดรา ดัมเบิลดอร์
ราวกับความฝันที่วาดไว้ต้องพังทลายลง อัลบัสกลับมาสู่ก็อดดริกส์โฮลโล่เพื่อจัดงานศพให้เคนดรา เขาต้องรับหน้าที่เป็นหัวหน้าครอบครัวต่อจากแม่ แม้อาเบอร์ฟอร์ธต้องการที่จะออกจากโรงเรียนและมาดูแลแอรีอานนาเอง แต่อัลบัสก็ยืนกรานว่าน้องชายจะต้องเรียนให้จบก่อน และบอกว่าเขาจะรับหน้าที่ต่อจากแม่เอง
การเป็นหัวหน้าครอบครัวทำให้ความฝันในการเที่ยวรอบโลกของอัลบัสต้องสลายไป เขาทิ้งให้โดจเดินทางเพียงลำพังแต่ทั้งสองยังคงติดต่อกันทางจดหมายเป็นระยะๆ อัลบัสได้รับจดหมายที่เล่าถึงการผจญภัยของโดจซึ่งทำให้เขารู้สึกไม่พอใจกับสภาพของตัวเองที่กำลังเผชิญอยู่ อัลบัสรู้ตัวดีว่าตนเองนั้นเก่ง มีพรสวรรค์ ต้องการชื่อเสียงและความรุ่งโรจน์ ฉะนั้นการที่ต้องมาติดอยู่ในบ้านพร้อมกับน้องสาวที่ไม่ปกติและน้องชายจอมเกเรนั้น ย่อมทำให้เขารู้สึกโกรธและขมขื่น ราวกับรู้สึกติดกับอะไรสักอย่างที่ทำให้ตัวเองต้องเสียโอกาส
ช่วงเวลาที่อัลบัสต้องกลับมาอยู่ที่ก็อดดริกส์โฮลโล่ในฐานะเด็กกำพร้าและหัวหน้าครอบครัว เป็นช่วงเดียวกันกับที่เพื่อนบ้านของเขาอย่าง บาธิลดา แบ็กช็อตได้ตกลงรับหลานชาย เกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์ มาพักอยู่ที่บ้านด้วย
กรินเดลวัลด์เข้าเรียนที่เดิร์มสแตรงก์ โรงเรียนซึ่งมีชื่อเสียงไม่ค่อยดีนักจากการส่งเสริมให้มีการสอนศาสตร์มืดที่โรงเรียน กรินเดลวัลด์มีประวัติเป็นคนที่เก่งเกินวัยเช่นเดียวกับอัลบัส แต่ตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิง แทนที่เขาจะใช้ชื่อเสียงและความสามารถไปกับการได้มาซึ่งประกาศนียบัตรและรางวัลต่างๆ กรินเดลวัลด์กลับอุทิศตนให้แก่การแสวงหาสิ่งที่ต่างออกไป จนเมื่ออายุได้สิบหกปี แม้แต่ทางเดิร์มสแตรงก์เองก็ทำเพิกเฉยกับการทดลองอันวิปริตของเขาไม่ได้อีกต่อไป เขาจึงถูกไล่ออกจากโรงเรียน
หลังถูกไล่ออก คนทั่วไปรู้แค่เพียงว่ากรินเดลวัลด์นั้นกำลังเดินทางไปต่างประเทศสักสองสามเดือน ซึ่งความจริงคือเขานั้นได้มาเยี่ยมคุณยายน้อยของเขาที่ก็อดดริกส์โฮลโล่นี้เอง บาธิลดาสงสารในชะตากรรมที่อัลบัสต้องเผชิญ เธอจึงแนะนำหลานชายคนนี้ซึ่งมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกันให้ได้รู้จักกับอัลบัส ทั้งสองเริ่มผูกมิตรกัน และแน่นอนพวกเขาก็คุยถูกคอกันในเวลาเพียงไม่นาน
ความคิดของกรินเดลวัลด์ที่ว่าพวกมักเกิ้ลสมควรถูกบังคับให้ยอมจำนน เหล่าพ่อมดต่างหากคือผู้ได้รับชัยชนะและสมควรจะได้ปกครองนั้นกระทบใจอัลบัสอย่างมาก เพราะเมื่อต้องเผชิญกับสภาวะที่เป็นอยู่ ทั้งๆ ที่ในใจของเขานั้นแสวงหาชื่อเสียงและความรุ่งโรจน์ ทำให้อัลบัสรู้สึกคล้อยตามกรินเดลวัลด์ไปอย่างง่ายดาย และเครื่องรางยมทูต ก็คือหัวใจของแผนการนี้ ถ้าหากได้เครื่องรางมาครอบครองก็จะเป็นการกรุยทางไปสู่อำนาจอย่างที่ตั้งใจ สำหรับกรินเดลวัลด์เขาสนใจเพียงแค่ไม้กายสิทธิ์เอลเดอร์ (ไม้กายสิทธิ์ที่ไม่มีวันแพ้ อาวุธที่จะนำไปสู่อำนาจ) และหินชุบวิญญาณ (สำหรับการสร้างกองทัพอินเฟอไร) ส่วนผ้าคลุมล่องหนนั้นกรินเดลวัลด์ไม่ได้สนใจมันเท่าใดนัก เพราะเขาเองก็สามารถใช้คาถาพรางตาได้ดีพออยู่แล้ว แต่ถ้าหากได้มาครอบครองครบทั้งสามชิ้นมันก็จะเป็น “นายแห่งความตาย” อย่างที่ตำนานกล่าวไว้
มโนธรรมในใจของอัลบัสยังคงมีอยู่ แต่เขาเลือกที่จะกล่อมตัวเองให้คล้อยตามกรินเดลวัลด์ไปว่า พวกเขากำลังทำเพื่อประโยชน์สุขของคนส่วนใหญ่ ลึกๆ แล้วอัลบัสเองก็รู้ดีว่ากรินเดลวัลด์นั้นเป็นอย่างไร แต่เขาเลือกที่จะปิดหูปิดตาเพื่อที่จะได้ทำตามความฝันที่วางไว้ สำหรับอัลบัส เขาต้องการหินชุบวิญญาณ เพื่อหวังให้พ่อกับแม่ได้ฟื้นคืนชีพ ซึ่งนั่นหมายถึงเขาสามารถปลดภาระออกไปจากตัวได้ หรือผ้าคลุมล่องหนที่อาจนำมาใช้ซ่อนตัวแอรีอานนาไว้ได้ตลอดไป
สองเดือนเต็มที่อัลบัสจมอยู่กับความฝันอันโหดเหี้ยม สองเดือนที่เขาละทิ้งหน้าที่หัวหน้าครอบครัวและเป็นช่วงเวลาที่อาเบอร์ฟอร์ธใกล้จะกลับไปฮอกวอตส์ น้องชายของอัลบัสพูดเตือนสติพี่ชาย – ซึ่งกำลังวางแผนที่จะออกตามหาเครื่องรางพร้อมกับกรินเดลวัลด์ – ว่าเขาไม่อาจจะเดินทางไปแสวงหาเครื่องรางได้โดยมีน้องสาวที่อ่อนแอและเสียสติผูกติดไปด้วยได้หรอก
กรินเดลวัลด์ไม่พอใจและโกรธมากที่อาเบอร์ฟอร์ธกล่าวเช่นนั้น และการโต้เถียงก็กลายเป็นการต่อสู้ อะไรบางอย่างที่อยู่ในตัวกรินเดลวัลด์ซึ่งอัลบัสทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นนั้นได้ถูกปลุกขึ้นมาและกลายเป็นสัตว์ร้ายที่น่ากลัว กรินเดลวัลด์เสกคำสาปกรีดแทงใส่อาเบอร์ฟอร์ธ อัลบัสพยายามห้ามปรามแล้วทั้งสามก็ต่อสู้กัน ลำแสงและเสียงระเบิดที่ดังไปทั่วห้องทำให้แอรีอานนาเกิดคุ้มคลั่ง – บางทีเธออาจอยากจะช่วย แต่เธอไม่รู้ตัวว่ากำลังทำอะไร – และเมื่อควันจางหายไปแอรีอานนาก็นอนตายอยู่บนพื้น
การตายของแอรีอานนาทิ้งบาดแผลแห่งความขัดแย้งขนาดใหญ่ไว้กับพี่ชายของเธอทั้งสองคน อาเบอร์ฟอร์ธกล่าวโทษว่าทั้งหมดเป็นความผิดของอัลบัส การระเบิดอารมณ์ในงานศพและการต่อยอัลบัสจนจมูกหักข้างโลงศพของแอรีอานนาสร้างความตกตะลึงให้กับผู้ร่วมงาน ส่วนกรินเดลวัลด์ก็หนีไปพร้อมกับแผนการยึดอำนาจ โครงการทรมานพวกมักเกิ้ลและความฝันเรื่องเครื่องรางยมทูต ทิ้งให้อัลบัสอยู่กับงานศพน้องสาวและมีชีวิตอยู่กับความรู้สึกผิด ความวิปโยคโศกเศร้าและความละอายใจต่อตนเอง
อัลบัสได้รับการพิสูจน์ตัวเองแล้วว่า แม้เขาจะเป็นคนเก่งและมีพรสวรรค์มากแค่ไหน แต่เขาไม่สามารถรับมือกับอำนาจได้เลยหากได้มันมาครอบครอง เขาจึงตัดสินใจอย่างแน่วแน่ที่จะทำตามความฝันเพียงสิ่งเดียวที่เขารู้ตัวมาตั้งแต่เด็กว่าสามารถทำได้ดี นั่นคือการเป็นครู อัลบัสจึงกลับมาสู่ฮอกวอตส์และรับตำแหน่งอาจารย์สอนวิชาแปลงร่าง
ในช่วงที่อัลบัสเป็นครูคอยสอนวิชาความรู้ให้กับพ่อมดแม่มดรุ่นเยาว์ กรินเดลวัลด์เองก็เริ่มแผ่ขยายอำนาจและสร้างอิทธิพลในยุโรป แม้อัลบัสจะรู้อยู่แก่ใจว่าวันที่เขาต้องเผชิญหน้ากับกรินเดลวัลด์อีกครั้งจะต้องมาถึง แต่เขาก็ถ่วงเวลาไว้นานกว่าห้าปี เนื่องจากความหวาดกลัวในใจของอัลบัสที่มีกับกรินเดลวัลด์ ไม่ใช่เรื่องที่เขากลัวว่าจะพ่ายแพ้ เขาและกรินเดลวัลด์ต่างรู้ดีว่าทั้งคู่นั้นฝีมือพอๆ กัน หากแต่เป็นความจริงต่างหากที่ทำให้อัลบัสกลัว ความจริงจากการต่อสู้ที่นำไปสู่ความตายของแอรีอานนา อัลบัสกลัวความจริงที่ว่าเขาอาจเป็นคนเสกคำสาปที่ปลิดชีพน้องสาวตัวเอง ความหวาดกลัวในข้อนี้ทำให้อัลบัสประวิงเวลาที่จะไม่เผชิญหน้ากับกรินเดลวัลด์โดยตรง
ในที่สุดเมื่อต้องทนกับแรงกดดันจากผู้คนรอบข้างและความอัปยศไม่ไหวอีกต่อไป ประกอบกับเริ่มมีผู้คนล้มตายมากขึ้นและดูเหมือนจะไม่มีใครหยุดยั้งกรินเดลวัลด์ได้อีกแล้ว อัลบัสจึงต้องออกโรงจัดการในสิ่งที่ควรจะต้องทำมานาน
การประลองเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1945 ผลคืออัลบัสได้รับชัยชนะและผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับโลกผู้วิเศษนั้นถือว่าเป็นจุดพลิกผันที่จะถูกบันทึกไว้ในหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์เวทมนตร์ และนำมาซึ่งการมอบเหรียญตราแห่งเมอร์ลินขั้นที่หนึ่งให้กับอัลบัส ส่วนกรินเดลวัลด์ถูกจองจำไว้ในคุกนูเมนการ์ด – คุกที่เขาสร้างขึ้นเพื่อขังผู้ต่อต้าน – ตลอดชีวิตที่เหลือ
หลังจากพิชิตกรินเดลวัลด์ลงได้ อัลบัสถูกเสนอให้รับตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงเวทมนตร์อยู่หลายครั้ง แต่เขาก็ปฏิเสธไปทุกครั้ง เขาเรียนรู้แล้วว่าตัวเองไม่สมควรได้รับอำนาจ เหตุการณ์ในอดีตสอนเขาว่าอำนาจเป็นจุดอ่อนของเขาและเป็นเครื่องล่อใจให้หลงผิดได้ง่ายๆ ฉะนั้นเขาจึงทุ่มเทชีวิตที่เหลือให้กับการสั่งสอนและประสิทธิวิชาความรู้ให้กับพ่อมดแม่มดรุ่นเยาว์ ตำแหน่งสูงสุดในชีวิตที่เขาต้องการมีเพียงอย่างเดียวคือการได้ขึ้นเป็นอาจารย์ใหญ่ของฮอกวอตส์
หลังจากยุคของกรินเดลวัลด์จบสิ้นลง อัลบัสมีส่วนสำคัญและเป็นแกนหลักในการวางแผนพิชิตเจ้าแห่งศาสตร์มืดคนใหม่อย่างลอร์ด โวลเดอมอร์ ทั้งการก่อตั้งภาคีนกฟินิกซ์เพื่อต่อสู้กับกลุ่มผู้เสพความตาย และแผนการที่ช่วยให้แฮร์รี่ พอตเตอร์ – ในฐานะคนที่ถูกเลือก – สามารถพิชิตลอร์ด โวลเดอมอร์ได้ในที่สุด แม้ตัวเขาเองจะต้องยอมสละชีวิตในช่วงท้ายด้วยก็ตาม
เรียบเรียงโดย Shootty แอดมินเพจพอตเตอร์ไดอารี่
หากนำบทความออกไปโปรดอ้างอิงเว็บไซต์และผู้เรียบเรียง