เมื่อเอ่ยถึงอาวุธคู่กายของเหล่าเจไดและซิธในจักรวาล Star Wars คุณจะนึกถึงกระบี่แสง (Lightsaber) เช่นเดียวกัน สำหรับพ่อมดแม่มดหรือคนที่ใช้เวทมนตร์ได้ อาวุธคู่กายของพวกเขาย่อมหนีไม้พ้นไม้คฑาหรือไม้กายสิทธิ์ (wand)
สำหรับโลกเวทมนตร์ของโรว์ลิ่ง ไม้กายสิทธิ์ไม่ได้เป็นแค่ของประดับที่พ่อมดพกติดตัวเอาไว้เฉยๆ ถ้าทำหายก็ให้เดินเข้าไปซื้อใหม่จากร้านขายไม้กายสิทธิ์ได้ตามสะดวก ไม้กายสิทธิ์นั้นเป็นของละเอียดอ่อน ดังที่ช่างทำไม้กายสิทธิ์ชื่อดังย้ำเตือนอยู่เสมอว่า
"... ไม้กายสิทธิ์เป็นฝ่ายเลือกพ่อมด พวกเราที่ศึกษาไม้กายสิทธิ์วิทยารู้เรื่องนั้นดี..."
การ์ลิก โอลิแวนเดอร์
ไม้กายสิทธิ์เป็นอาวุธประจำตัว และไม่ได้เอาไว้ร่ายคาถาเล่นๆ แค่สองสามบท ไม้กายสิทธิ์จะช่วยให้พ่อมดแม่มดสามารถร่ายคาถาได้แม่นยำ การฝึกร่ายคาถาในเบื้องต้นจะต้องใช้ไม้กายสิทธิ์ด้วยเสมอ พวกเราจะเริ่มจากเอ่ยชื่อคาถาออกมาพร้อมกับโบกไม้กายสิทธิ์เป็นทวงท่าต่างๆ ควบคู่กันไป เมื่อฝึกฝนจนคล่องมือ พวกเขาก็จะเริ่มขยับไปอีกขั้นด้วยร่ายคาถาแบบไร้เสียง (นึกชื่อคาถาในใจ แล้วโบกไม้ร่ายมนตร์ออกมา) ในพ่อมดแม่มดที่เก่งกาจมากๆ พวกเขาจะเริ่มฝึกการร่ายคาถาไร้เสียงและเสกด้วยมือเปล่า -- แต่แน่นอนว่ามีไม่กี่คนที่จะทำแบบนี้ได้ เพราะการร่ายคาถาด้วยมือเปล่านั้นมีความเสี่ยงสูงมาก พ่อมดส่วนใหญ่จึงเลือกที่จะใช้ไม้กายสิทธิ์ช่วยในการร่ายคาถา
พ่อมดแม่มดทุกคนต้องฝึกการร่ายคาถากับไม้กายสิทธิ์ที่ได้มาอย่างสม่ำเสมอ การเปลี่ยนไม้กายสิทธิ์บ่อยๆ ไม่ใช่เรื่องที่ดี พ่อมดที่เก่งกาจจะฝึกฝนเวทมนตร์ด้วยไม้กายสิทธิ์อันเดิมจนมันคุ้นมือ ทุกครั้งที่มีการร่ายคาถา ไม้กายสิทธิ์จะเรียนรู้อุปนิสัยใจคอของเจ้านายมัน รวมถึงเจ้านายก็ต้องเรียนรู้การทำงานของไม้ไปด้วย ทั้งสองฝ่ายและจะค่อยๆ ปรับตัวเข้าหากัน จนเกิดเป็นความสัมพันธ์และการเชื่อมโยงที่ซับซ้อน
"... ไม้กายสิทธิ์จะมีอานุภาพมากน้อยแค่ไหนนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยสามประการคือ
ชนิดของไม้ แกนกลาง และประสบการณ์ของตัวเจ้าของไม้เอง ..."
การ์ลิก โอลิแวนเดอร์
พ่อมดที่ศึกษาเกี่ยวกับไม้กายสิทธิ์และผลิตมันออกมาขายเราจะเรียกพวกเขาว่า ช่างทำไม้กายสิทธิ์ ซึ่งมีหลายคนกระจายอยู่ทั่วทุกมุมโลก แต่คนที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นมือหนึ่งคือ การ์ลิก โอลิแวนเดอร์ ช่างทำไม้กายสิทธิ์แห่งสหราชอาณาจักร ผู้สืบทอดกิจการช่างไม้กายสิทธิ์มาจากบรรพบุรุษตั้งแต่ 400 ปีก่อนคริสตร์กาล
ไม้ที่จะนำมาทำไม้กายสิทธิ์ ส่วนใหญ่แล้วเป็นไม้ยืนต้นและต้องเป็นไม้ที่มีคุณสมบัติหรือพลังทางเวทมนตร์ และไม้จะต้องมีแกนกลาง ซึ่งช่างทำไม้กายสิทธิ์แต่ละคนจะเลือกใช้แกนกลางที่แตกต่างกันไป สำหรับโอลิแวนเดอร์ เขาเลือกใช้ไม้ถึง 38 ชนิด เข้าประกอบร่วมกับแกนกลาง 3 ชนิดที่ได้จากสัตว์วิเศษ ยังไม่นับรวมว่าไม้แต่ละอันมีความยาวและความยืดหยุ่นไม่เหมือนกัน โอลิแวนเดอร์เคลมว่าไม้ที่เขาทำนั้นมีลักษณะไม่ซ้ำกันเลยแม้แต่อันเดียว
สำหรับข้อมูลอย่างละเอียดของไม้และแกนกลางแต่ละประเภทนั้น สามารถอ่านได้จากบทความนี้ครับ
ไม้กายสิทธิ์ (แปลจากบทความต้นฉบับของ เจ.เค.โรว์ลิ่ง)
"... โดยทั่วไปแล้ว เมื่อไม้ถูกชิงมาได้ ความสวามิภักดิ์ของมันก็จะเปลี่ยนไป..."
การ์ลิก โอลิแวนเดอร์
อีกกฏหนึ่งสำคัญที่โรว์ลิ่งกำหนดไว้เกี่ยวกับไม้กายสิทธิ์ คือ มันสามารถเปลี่ยนมือได้หากเจ้าของเดิมของมัน ถูกปลดอาวุธ ถูกน็อกหรือตายจากการต่อสู้ ไม้กายสิทธิ์อาจเปลี่ยนความสวามิภักดิ์ไปยังคู่ต่อสู้ฝ่ายตรงข้ามได้ทันที
แต่ในประเด็นนี้ก็ยังมีข้อยกเว้นอยู่เยอะเช่นกัน เพราะ ไม่ใช่ไม้ทุกชนิดที่จะยอมสวามิภักดิ์กับเจ้านายคนใหม่ โดยเฉพาะไม้ที่มีแกนเป็นเอ็นหัวใจมังกร ขณะที่ไม้บางชนิดก็พร้อมจะแปรความสวามิภักดิ์ได้ทันที หรือไม้บางชนิดจะยังคงความภักดีไว้กับเจ้าของเดิม จนกว่านายคนใหม่จะพิสูจน์ให้มันได้เห็นว่าคู่ควรกับมัน ไม้จึงจะยอมสวามิภักดิ์ด้วย
พ่อมดแม่มดจะได้ไม้กายสิทธิ์เป็นของตัวเองอันแรกเมื่ออายุได้ 11 ปี ก่อนจะเข้าเรียนที่โรงเรียนสอนเวทมนตร์ โดยสามารถหาซื้อได้จากร้านขายไม้กายสิทธิ์ สำหรับในอังกฤษมีเพียงแหล่งเดียวที่ดีที่สุด คือ ร้านโอลิแวนเดอร์ในตรอกไดแอกอน แต่ในบางครั้ง - โดยเฉพาะบางครอบครัวที่มีฐานะไม่ค่อยดี - การซื้อไม้กายสิทธิ์เป็นค่าใช้จ่ายที่สูงเกินไปสำหรับพวกเขาเหมือนกัน ดังนั้นพ่อมดเด็กบางคนจึงไม่ได้ถูกไม้กายสิทธิ์เลือก แต่ต้องใช้ไม้กายสิทธิ์ที่ผ่านการใช้งานแล้ว อาจเป็นของคนในครอบครัวหรือหาซื้อได้จากร้านขายของมือสอง ซึ่งแน่นอนว่าประสิทธิภาพของมันย่อมทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควรจะเป็น เพราะอย่างที่กล่าวไปในข้างต้นแล้วว่า การเปลี่ยนไม้กายสิทธิ์บ่อยๆ ไม่ใช่เรื่องดี ดังนั้นการเอาไม้กายสิทธิ์ของคนอื่นมาใช้ต่อ ย่อมทำให้การร่ายคาถาไม่ได้ผลเท่าที่ควร เพราะไม้นั้นถูกใช้งานโดยคนอื่นมาก่อนหน้านี้แล้ว
ดังนั้นจึงมีธรรมเนียมหนึ่งในโลกเวทมนตร์ เรียกว่า การฝังไม้ลงไปกับหลุม นั่นคือ เมื่อพ่อมดแม่มดเสียชีวิต ไม้กายสิทธิ์มักจะถูกฝังไปกับพวกเขาด้วย เพื่อไม่ให้มันต้องรับใช้เจ้านายหลายคนเกินไป มีหลายครั้งเหมือนกันที่พลังเวทมนตร์ในไม้จะค่อยๆ เสื่อมลงไปเมื่อมันถูกใช้งานมาอย่างยาวนานและเปลี่ยนเจ้าของมาหลายคน ดังนั้นหลักการที่ว่า 1 คน 1 ไม้ จึงยังเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด (แต่แน่นอน.. ไม่ใช่กับไม้กายสิทธิ์ทุกชนิดอีกนั่นล่ะ)
ในบางประเทศ อย่างเช่นสหรัฐอเมริกา เมื่อพ่อมดเด็กได้ถือไม้กายสิทธิ์ครั้งแรก พวกเขาจะต้องลงทะเบียนเพื่อขอใบอนุญาตถือไม้กายสิทธิ์ด้วย และพวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้พกไม้กายสิทธิ์ในช่วงปิดภาคเรียน ต้องฝากไว้ที่โรงเรียนเท่านั้น จนกว่าจะบรรลุนิติภาวะจึงจะได้รับอนุญาตให้พกไม้กายสิทธิ์ไว้กับตัวเอง
"... สิทธิที่จะใช้ไม้กายสิทธิ์ได้นั้น มีการถกเถียงกันมานานแล้วระหว่างพ่อมดกับก๊อบลิน..."
ก๊อบลินกริ๊บฮุก
ตามบทบัญญัติปกปิดความลับนานาชาติ การถือไม้กายสิทธิ์ถูกสงวนไว้สำหรับพ่อมดและแม่มดเท่านั้น สิ่งมีชีวิตชั้นสูงชนิดอื่นๆ เช่น เซนทอร์ ชาวเงือก เอลฟ์ประจำบ้านและก๊อบลิน ไม่ได้รับอนุญาตให้ถือครองไม้กายสิทธิ์ แต่ส่วนใหญ่พวกมันไม่ต้องการไม้กายสิทธิ์ในการร่ายเวทมนตร์อยู่ดี เหล่าสิ่งมีชีวิตชั้นสูงต่างมีเวทมนตร์อันเป็นเอกลักษณ์ประจำเผ่าพันธุ์ของพวกมันเอง แต่พวกก็อบลินก็ยังเป็นกลุ่มเดียวที่รู้สึกต่อต้านและไม่พอใจกับกฏหมายข้อนี้ ถึงขั้นลุกลามเป็นการก่อจราจลอยู่หลายครั้งในหน้าประวัติศาสตร์เวทมนตร์ และยังกลายเป็นข้อขัดแย้งทางความคิดระหว่างเผ่าพันธุ์ก็อบลินและพ่อมดมาจนถึงทุกวันนี้
สำหรับพวกมักเกิ้ล แน่นอนไม่มีข้อห้ามระบุไว้ แต่ถึงพวกเขาจะได้ไม้กายสิทธิ์ไปถือ ก็ไม่สามารถใช้มันเสกเวทมนตร์ได้อยู่ดี ที่จะเดือดร้อนคือพ่อมดเจ้าของไม้ต่างหาก เพราะอาจโดนตั้งข้อหาละเมิดบทบัญญัติปกปิดความลับจากการที่ปล่อยให้ไม้กายสิทธิ์ไปอยู่ในมือของพวกมักเกิ้ล
พ่อมดและแม่มดเด็ก ที่ทำผิดกฏของโรงเรียนแล้วถูกตัดสินว่าโดนไล่ออก พวกเขาจะถูกริบไม้กายสิทธิ์และหักมันออกเป็นสองท่อน เพื่อเป็นการบอกว่าพวกเขาจะไม่มีโอกาสได้ฝึกการใช้เวทมนตร์อื่นๆ อีกต่อไปในอนาคต เช่นเดียวกันกับพ่อมดผู้ใหญ่ หากถูกตัดสินว่ามีความผิดและถูกสั่งจำคุกอัซคาบัน พวกเขาจะถูกริบไม้กายสิทธิ์เก็บไว้ที่กระทรวงเวทมนตร์
แปลไทยและเรียบเรียงโดย Shootty แอดมินเพจ พอตเตอร์ไดอารี่
หากนำบทความออกไปโปรดอ้างอิงเว็บไซต์และผู้เรียบเรียง