18 กรกฎาคม พ.ศ. 2566
ความเจ้าอารมณ์ ขี้โมโห หัวร้อนของแฮร์รี่ ปรากฏตลอดในเล่มภาคีนกฟินิกซ์ หลายคนอาจตั้งข้อสงสัยว่าทำไม เจ.เค.โรว์ลิง จึงเลือกให้เป็นแบบนั้น หลายคนให้คำตอบง่ายๆ ว่า “เพราะเขาเป็นลูกเจมส์ พอตเตอร์ไงล่ะ” พอตเตอร์คนพ่อก็ขึ้นชื่อเรื่องความเจ้าอารมณ์เหมือนกัน
แต่มันเป็นแบบนั้นจริงๆ เหรอ?
เราลองมาทบทวนกันดูสักหน่อยดีกว่าว่าก่อนที่สุขภาพจิตของแฮร์รี่ พอตเตอร์จะมาถึงจุดที่หลายคนมองว่าเป็น “เด็กหัวร้อน ขี้โมโห” นั้น มันมีที่มาที่ไป ที่พอจะอธิบายได้หรือเปล่า
เริ่มจากเหตุการณ์ในเล่มถ้วยอัคนี (เล่ม 4)
เราอาจจะเมามันส์ไปกับการประลองเวทไตรภาคี ที่เหล่าตัวแทนทั้งสี่ต้องทำภารกิจเสี่ยงตายตลอดทั้งเล่ม เราอาจจะมองข้ามไปว่าเหตุการณ์ในช่วงปีสี่ของแฮร์รี่นั้น มีส่วนอย่างมากที่กำหนดพฤติกรรมความเจ้าอารมณ์ของเขาในเล่มต่อมา (ภาคีนกฟินิกซ์)
🌪 เขาถูกผลักให้เข้าร่วมการประลองแบบงงๆ – ผลลัพธ์หลังจากนั้นคือเขาถูกโดดเดี่ยวจากเพื่อนสนิทเป็นครั้งแรก เพราะรอนคิดเหมือนคนอื่นๆ ว่าแฮร์รี่นั้น “หิวแสง” ชอบเรียกร้องความสนใจ
ยิ่งมีนักข่าวจอมเสี้ยมอย่างริต้า สกีตเตอร์เข้ามาผสมโรง ความเข้าใจผิดที่เกิดขึ้นนี้จึงถูกนำไปขยายต่ออย่างรวดเร็ว และมันได้กลายเป็นสารตั้งต้นให้กระทรวงเวทมนตร์เอามาปิดปากเขาด้วยคำว่า “เด็กชายผู้โกหก” ในภายหลัง
🌪 ภารกิจทั้งสามนั้นล้วนอันตราย ภาพการเผชิญหน้ากับมังกร การดำลงไปใต้ทะเลสาบ การเผชิญหน้ากับสฟิงซ์ ยังคงหลอนและฝังใจอยู่กับเขาตลอดเกือบปีที่เหลือ ซ้ำร้ายพอได้แตะถ้วยรางวัล สถานการณ์กลับพลิกไปอย่างสุดขั้ว แถมยังเลวร้ายที่สุด
🌪เขาต้องเห็นเซดริก ดิกกอรี่ถูกฆ่าตายต่อหน้าต่อตา – เขาถูกทรมาณ เกือบถูกโวลเดอมอร์ฆ่า - พอหนีรอดกลับมาได้ อาจารย์ที่คอยช่วยเหลือเขามาตลอดเกือบปี กลับกลายเป็นคนที่พยายามจะฆ่าเขาเสียเอง
พอปิดเทอม แฮร์รี่ต้องกลับไปอยู่กับพวกเดอร์สลีย์และเขาต้องจมอยู่กับฝันร้าย เห็นภาพเซดริกถูกฆ่าตายซ้ำไปซ้ำมา โวลเดอมอร์กลับมาแล้ว และกำลังเคลื่อนไหวอยู่ข้างนอก แฮร์รี่ในฐานะคนที่เห็นการฟื้นคืนชีพของจอมมารและเอาข่าวนี้กลับมาแจ้งทุกคน กลับถูกตัดขาดและโดดเดี่ยวจากโลกเวทมนตร์ เป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือนเต็มที่เขาไม่ได้รับข่าวคราวจากใครเลย
🌪 เมื่อได้กลับมาโลกเวทมนตร์อีกครั้ง สถานการณ์กลับไม่เป็นอย่างที่เขาเคยคิดว่ามันควรจะเป็น – เขาถูกป้ายสีว่าเป็นเด็กชายที่ชอบพูดโกหกและเรียกร้องความสนใจจากเดลี่พรอเฟ็ต ดัมเบิลดอร์เองก็โดนป้ายสีเช่นกัน แต่เราต้องไม่ลืมว่าแฮร์รี่เพิ่งจะอายุ 15 ปีเท่านั้น การถูกแขวนและรุมประนามอย่างเข้าใจผิดจากสื่อมวลชน มันเป็นเรื่องที่ใหญ่เกินกว่าเขาจะรับมือได้แน่นอน - ซึ่งจริงๆ เขาต้องคอยรับมือกับเรื่องพวกนี้มาตั้งแต่ตอนประลองเวทไตรภาคีแล้ว
🌪 เขายังถูกดัมเบิลดอร์เพิกเฉย อย่างไม่มีเหตุผล และไม่ได้รับการบอกกล่าวถึงต้นสายปลายเหตุที่แท้จริงให้เขารู้ตัวก่อน แม้เหตุผลของดัมเบิลดอร์ที่ว่า การที่เขารักษาระยะห่างกับแฮร์รี่ตลอดเกือบทั้งปีนั้น เป็นเพราะเขารู้ว่าโวลเดอมอร์พยายามจะควบคุมจิตใจของแฮร์รี่ และอาจใช้แฮร์รี่เป็นตัวกลางในการเข้ามาทำร้ายหรือสืบความลับของภาคี แต่เราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเพิกเฉยของดัมเบิลดอร์ เกิดในช่วงเวลาที่แฮร์รี่ต้องการเขามากที่สุด เป็นการเปิดช่องโหว่อะไรหลายๆ อย่าง ทำให้แฮร์รี่ต้องรับมือกับปัญหาต่างๆ ด้วยตนเอง
อย่างตอนที่เขาต้องกักบริเวณอยู่กับอัมบริดจ์ทั้งสัปดาห์ – ซึ่งเราต่างรู้กันว่าแฮร์รี่โดนลงโทษด้วยวิธีที่โหดร้ายและซาดิสม์ - แฮร์รี่ก็ไม่คิดจะบอกดัมเบิลดอร์ เพราะเขายังฝังใจกับท่าทีเพิกเฉยของอาจารย์ใหญ่ที่ทำต่อเขาในช่วงพิจารณาคดี
เพียงแค่นี้ ผมว่ามันก็สมเหตุสมผลแล้ว ที่ความมั่นคงในอารมณ์ของแฮร์รี่จะพังทลายลง - เราต้องไม่ลืมว่าเขาเพิ่งอายุ 15 ปี ช่วงเวลาที่พวกเราหลายคนล้วนเคยผ่านกันมาแล้ว ฮอร์โมนที่กำลังพุ่งพล่านก็พาลให้อารมณ์ขี้นๆ ลงๆ ได้ง่ายอยู่แล้ว แต่ถ้าคุณเป็นแฮร์รี่ พอตเตอร์ จึงไม่น่าแปลกอะไรที่คุณจะอารมณ์ร้อนและหัวเสียได้ง่าย
ในเมื่อคุณกำลังแบกปัญหาของโลกผู้วิเศษเอาไว้บนบ่า ปัญหาที่แม้แต่พ่อมดแม่มดผู้ใหญ่เอง ยังต้องช่วยกันแบก
เรียบเรียงบทความโดย Shootty แอดมินเพจพอตเตอร์ไดอารี่
หากนำบทความออกไปโปรดอ้างอิงเว็บไซต์และผู้เรียบเรียง