ชื่อมัลฟอยมาจากภาษาฝรั่งเศสโบราณที่แปลว่า “ศรัทธาอันชั่วร้าย” เช่นเดียวกับต้นตระกูลอื่นๆ ของขุนนางอังกฤษ พ่อมด อาร์มันด์ มัลฟอย มาถึงบริเตนพร้อมกับพระเจ้าวิลเลียมผู้พิชิต โดยเขามีส่วนช่วยในการรบของกองทัพนอร์มันซึ่งอยู่ภายใต้การนำของพระเจ้าวิลเลียม ไม่ทราบแน่ชัดว่าเขาช่วยเหลือด้วยวิธีการใด (แต่แน่นอนว่าใช้เวทมนตร์) มัลฟอยได้รับค่าตอบแทนเป็นที่ดินในเขตวิลต์เชียร์ซึ่งยึดมาจากชาวบ้านในแถบนั้น และเป็นบ้านที่ลูกหลานของเขาอาศัยอยู่มาตลอดสิบศตวรรษ
อาร์มันด์ บรรพบุรุษจอมเจ้าเล่ห์ กอบโกยผลประโยชน์เอาไว้อย่างมากมายจนทำให้ตระกูลมัลฟอยมีชื่อเสียงอย่างทุกวันนี้ พวกมัลฟอยมักถูกกล่าวถึงอยู่บ่อยๆ – แน่นอนว่าไม่ใช่การยกย่องในทางที่ดี – ว่าใช้เล่ห์เหลี่ยมในการแสวงหาอำนาจและความมั่งคั่งจากทุกหนทางที่พวกเขาทำได้ ทั้งการแต่งงานที่คำนึงถึงความบริสุทธิ์ของสายเลือดและการยึดถืออย่างจริงจังกับความเชื่อที่ว่าพ่อมดนั้นอยู่เหนือกว่ามักเกิ้ล พวกมัลฟอยคิดว่าเป็นการเหมาะสมกว่าที่จะไม่เอาตัวเองเข้าไปข้องเกี่ยวกับกลุ่มคนที่ไม่มีเวทมนตร์ถ้าไม่จำเป็น ผลคือทำให้พวกเขาเป็นตระกูลพ่อมดที่ร่ำรวยที่สุดในแถบบริเตน และยังมีการร่ำลือมาหลายปี (ซึ่งไม่เคยได้รับการพิสูจน์) ว่าตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมา ตระกูลนี้ประสบความสำเร็จในการเข้าไปก่อกวนสกุลเงินและสินทรัพย์ของมักเกิ้ล ทำให้ขนาดที่ดินของตระกูลในวิลต์เชียร์ที่ค่อยๆขยับขยายออกไปในช่วงหลายร้อยปีที่ผ่านมา โดยมันได้มาจากการยึดที่ดินของเพื่อนบ้านมักเกิ้ลใกล้เคียง และพวกเขายังใช้ความดีความชอบที่ได้จากเชื้อพระวงศ์ ในการยึดเอาสมบัติและงานศิลปะอันล้ำค่าของพวกมักเกิ้ลมาเก็บไว้เป็นของสะสมประจำตระกูลอีกด้วย
ในประวัติศาสตร์ พวกมัลฟอยแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างอย่างชัดเจนระหว่างกลุ่มมักเกิ้ลรากหญ้ากับกลุ่มที่มีเงินทองและอำนาจ หลังการประกาศใช้บทบัญญัติการปกปิดความลับนานาชาติในปี ค.ศ. 1692 กล่าวกันว่าตระกูลมัลฟอย – ซึ่งกำลังมีบทบาทอยู่ในกลุ่มสังคมชั้นสูงของมักเกิ้ล – ได้ต่อต้านกฏหมายนี้อย่างรุนแรง จากความจริงที่ว่าพวกเขาจะต้องถอนตัวจากวงสังคมอันน่าพิศมัย แม้ว่าสมาชิกตระกูลในรุ่นหลังๆ จะปฏิเสธเรื่องนี้หัวชนฝาก็ตาม แต่ก็มีหลักฐานอย่างชัดเจนที่บ่งบอกว่า ลูเซียส มัลฟอยที่หนึ่ง - ซึ่งล้มเหลวจากการพยายามเป็นคนโปรดของสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่หนึ่ง - พ่อมดนักประวัติศาสตร์เวทมนตร์บางคนยืนยันว่า การที่สมเด็จพระราชินีไม่ได้อภิเษกสมรสตลอดการครองราชย์ เป็นผลจากคำสาปของพวกมัลฟอยเนื่องจากพระนางขัดขวางผลประโยชน์ของพวกเขา
ด้วยรูปแบบการเอาตัวรอดอันเป็นลักษณะนิสัยที่โดดเด่นของพวกเขามานานหลายศตวรรษ เมื่อบทบัญญัติการปกปิดความลับนานาชาติถูกประกาศใช้อย่างเป็นทางการ พวกมัลฟอยได้หยุดการคบค้าสมาคมกับพวกมักเกิ้ลทันที เนื่องจากพวกเขาพบกับความจริงที่ว่า หากดึงดันที่จะต่อต้านต่อไปอาจทำให้พวกเขาถูกกีดกันจากศูนย์กลางแห่งอำนาจแหล่งใหม่ นั่นคือหน่วยงานที่เพิ่งถูกก่อตั้งอย่างกระทรวงเวทมนตร์ พวกมัลฟอยเปลี่ยนท่าทีจากหน้ามือเป็นหลังมือและออกเสียงสนับสนุนบทบัญญัตินี้อย่างแข็งขัน ราวกับว่าเป็นผู้ได้รับชัยชนะจากการผลักดันกฎหมายนี้ตั้งแต่แรกและรีบปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่าพวกเขาเคยคบค้าสมาคมหรือเกี่ยวข้องกับมักเกิ้ล
พวกมัลฟอยใช้ความมั่งคั่งที่มีในจัดการบุคคลที่พวกเขาไว้ใจได้ (รวทั้งคนที่ต่อต้าน) ซึ่งส่งผลต่อการทำงานของกระทรวงในยุคต่อมา แม้ว่าจะไม่มีมัลฟอยคนใดก็ตามที่ขึ้นเป็นรัฐมนตรีกระทรวงเวทมนตร์ แต่ก็มีการกล่าวถึงอยู่เสมอว่า คุณจะไม่พบคนจากตระกูลมัลฟอยเข้าไปเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความผิดใดๆ หรอก แม้ว่าลายนิ้วมือของพวกเขาอาจปรากฏอยู่บนไม้กายสิทธิ์ก็ตาม พวกเขามีอิสระทางการเงิน สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้โดยไม่ต้องทำงาน พวกเขาชอบที่จะนั่งอยู่เบื้องหลังและชักใยอำนาจ มีความสุขกับการที่เห็นคนที่โง่เง่าทำงานตามคำสั่งและรับความผิดทั้งหมดแทน พวกเขาเคยบริจาคเงินจำนวนมากให้กับผู้สมัครชิงตำแหน่งรัฐมนตรีที่พวกเขาสนับสนุน พร้อมกับการจ่ายเงิน (ซึ่งเป็นข้อกล่าวหา) เพื่อใช้วิธีการสกปรกกับฝ่ายตรงข้าม
พวกมัลฟอยแสดงอาการรังเกียจมักเกิ้ลทุกคนผู้ซึ่งไม่สามารถมอบเงินทองหรืออิทธิพลให้กับพวกเขาได้ สำหรับบรรดาพ่อมดกลุ่มใหญ่ที่ติดตามพวกเขานั้นต่างมีส่วนช่วยให้ตระกูลมัลฟอยยังอยู่ในวงศ์วานของตระกูลสายเลือดบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นเสมือนแหล่งขุมทองแห่งอำนาจของพวกเขาอยู่หลายปีที่ผ่านมา ในช่วงศตวรรษที่ยี่สิบเป็นต้นมา ไม่มีสมาชิกตระกูลมัลฟอยคนใดเลยที่แต่งงานกับมักเกิ้ลหรือพวกมักเกิ้ลบอร์น แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาก็หลีกเลี่ยงการแต่งงานในสายเลือดเดียวกัน ซึ่งอาจนำมาถึงความอ่อนแอ ขี้โรค และความแปรปรวนทางอารมณ์ของสมาชิกในรุ่นหลังๆ เหมือนกับตระกูลเลือดบริสุทธิ์กลุ่มเล็กๆ อย่างก๊อนท์และเลสแตรงจ์ แต่กระนั้นก็ยังมีกลุ่มเลือดผสมปรากฏในสาแหรกตระกูลมัลฟอยอยู่จำนวนมากเช่นกัน
บุคคลในตระกูลมัลฟอยที่มีชื่อเสียงในอดีต ได้แก่ นิโคลัส มัลฟอย ผู้ซึ่งถูกจับในข้อหามีส่วนเกี่ยวข้องทำให้มักเกิ้ลผู้ดื้อรั้นที่ไม่ยอมย้ายออกไปจากที่ดินต้องเสียชีวิตลงโดยอ้างความตายสีดำเป็นฉากบังหน้า ซึ่งนิโคลัสหลุดรอดข้อกล่าวหาจากสภาพ่อมดได้ในภายหลัง เซปติมัส มัลฟอย ผู้มีอิทธิพลต่อกระทรวงอย่างมากในช่วงศตวรรษที่ 18 หลายคนเชื่อว่า อองชัวร์ ออสเบิร์ต รัฐมนตรีในขณะนั้นเป็นยิ่งกว่าหุ่นเชิดของเขาเสียอีก และ อะบราซัส มัลฟอย ผู้ซึ่งถูกกล่าวหาอย่างรู้กันถ้วนหน้าว่ามีส่วนทำให้รัฐมนตรีมักเกิ้ลบอร์นคนแรก (น็อบบี้ ลีช) ลาออกจากตำแหน่งก่อนถึงเวลาอันสมควรในปี 1968 (ไม่มีหลักฐานมากล่าวหามัลฟอยได้ตามเคย)
ลูเซียส ลูกชายของอะบราซัส ในฐานะผู้เสพความตายของลอร์ด โวลเดอมอร์ ผู้ซึ่งทำภารกิจของจอมมารล้มเหลวหลายต่อหลายครั้ง แม้เขาจะหลบหนีออกมาจากคุกได้ภายหลังที่ลอร์ด โวลเดอมอร์ยึดกระทรวงเวทมนตร์ได้สำเร็จ ในครั้งแรกที่ถูกจับกุม เขาอ้างว่าถูกครอบงำโดยคำสาปสะกดใจ (แม้หลายคนจะบอกว่าเขาถูกยกให้เป็นคนโปรดของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงหลายคนก็ตาม) ในครั้งที่สอง เขาได้แสดงหลักฐานซึ่งช่วยให้กระทรวงสามารถตามจับกุมผู้เสพความตายคนอื่นๆ ที่กำลังหลบหนี รวมไปถึงผู้สนับสนุนลอร์ดโวลเดอมอร์ที่ยังหลบซ่อนตัวอยู่ตามที่ต่างๆ อีกด้วย
แปลไทยและเรียบเรียงโดย Shootty แอดมินเพจพอตเตอร์ไดอารี่
หากนำบทความออกไปโปรดอ้างอิงเว็บไซต์และผู้เรียบเรียง