คำว่า ‘โพลเตอร์ไกสต์’ มาจากภาษาเยอรมันที่แปลแบบง่ายๆ ได้ว่า ‘ผีสร้างความรำคาญ’ แต่พวกมันไม่ใช่ผี โพลเตอร์ไกสต์เป็นสิ่งไม่มีตัวตนที่สามารถเคลื่อนย้ายสิ่งของ เคาะประตู สร้างเสียงหรือสร้างความรำคาญด้วยวิธีต่างๆ พวกมันถูกกล่าวถึงในหลายๆ แหล่ง โดยเฉพาะในสถานที่ที่เต็มไปด้วยเด็ก และยิ่งเฉพาะกับเด็กวัยรุ่น มีคำอธิบายที่หลากหลายสำหรับปรากฏการณ์เหล่านี้ทั้งในแง่ของเรื่องเหนือธรรมชาติจนถึงวิทยาศาสตร์
เป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้กับการที่โพลเตอร์ไกสต์จะเกิดขึ้นในอาคารซึ่งคับคั่งไปด้วยพ่อมดแม่มดวัยรุ่น และอย่างที่คุณคาดไว้เลย โพลเตอร์ไกสต์ประเภทนี้จะสร้างความรำคาญและประสิทธิภาพการทำลายล้างที่มากเป็นพิเศษ แถมยังไล่ออกไปได้ยากอีกด้วย ต่างกับโพลเตอร์ไกสต์ประเภทที่เจอเป็นบางครั้งในบ้านของมักเกิ้ล
แน่นอนว่าพีฟส์ คือโพลเตอร์ไกสต์ที่มีชื่อเสียงในการสร้างความวุ่นวายมากที่สุดในประวัติศาสตร์อังกฤษ ความแตกต่างที่เด่นชัดของมันจากโพลเตอร์ไกสต์ตัวอื่นๆ คือ พีฟส์มีรูปร่างที่ปรากฏได้ชัดเจน แม้ว่ามันอาจจะล่องหนเป็นบางครั้งเมื่อมันต้องการ รูปลักษณ์สะท้อนถึงตัวตนของมัน ซึ่งใครก็ตามที่รู้จักมันดีมักจะเห็นพ้องกันว่าเป็นการผสมผสานระหว่างอารมณ์ขันและความมุ่งร้าย
พีฟส์เป็นชื่อที่เหมาะมาก สำหรับมันที่เป็นเหมือนสัตว์เลี้ยงสร้างความรำคาญให้กับภารโรงของฮอกวอตส์ทุกคน ตั้งแต่ฮันเคอร์ตัน ฮัมเบิล (ภารโรงที่ถูกจ้างโดยผู้ก่อตั้งทั้งสี่) เป็นต้นมา อาจจะดูแปลกบ้าง ที่นักเรียนส่วนใหญ่และบรรดาอาจารย์ค่อนข้างจะชอบพีฟส์ (ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันช่วยสร้างสีสันให้กับโรงเรียน) แต่ความวุ่นวายที่มันสร้างในแต่ละวัน ได้กลายเป็นภาระของภารโรงที่ต้องใช้เวลาเกือบทั้งวันทำความสะอาดกับความเสียหายที่พีฟส์ทำไว้ ทั้งทุบแจกันแตก คว่ำขวดยา ล้มตู้หนังสือและอื่นๆ อีกมากมาย การทำให้ผู้คนประสาทเสียเป็นความสุขของพีฟส์ อย่างเช่น การปรากฏตัวในทันทีโดยทิ้งระยะห่างจากปลายจมูกเพียงหนึ่งนิ้ว ซ่อนอยู่ในเสื้อเกราะหรือโยนของลงบนหัวของพวกเขาในช่วงเปลี่ยนคาบเรียน
มีความพยายามหลายครั้งที่จะไล่พีฟส์ออกจากปราสาท แต่ก็ประสบกับความล้มเหลวทุกครั้ง ครั้งสุดท้ายและเป็นครั้งที่สร้างความเสียหายมากที่สุดคือในปี ค.ศ. 1876 โดยภารโรงที่ชื่อ รานโครัส คาร์พ เขาคิดค้นกับดักที่ซับซ้อน พร้อมกับเหยื่อล่อและอาวุธครบชุดที่เขาคิดว่าพีฟส์ไม่น่าจะต้านทานได้ ถ้วยแก้วทรงระฆังขนาดยักษ์ที่บรรจุคาถากักกัน ซึ่งเขาตั้งใจจะหย่อนมันลงมาเมื่อเจ้าโพลเตอร์ไกสต์เข้ามาในตำแหน่งที่วางไว้
ไม่เพียงแค่พีฟส์จะทำลายถ้วยแก้วยักษ์ได้อย่างง่ายดาย มันยังสาดเศษแก้วที่แตกออกไปทั่วระเบียงและยังสามารถหลบหลีกกับดักติดอาวุธนานาชนิด ซึ่งประกอบด้วยดาบสั้น ปืนปากแตรและปืนใหญ่เล็กได้อีกด้วย ทั้งปราสาทต้องทำการอพยพ ในขณะที่พีฟส์กำลังสนุกกับสิ่งที่มันทำโดยการยิงกับดักออกมาทางหน้าต่างแบบสะเปะสะปะและขู่ว่าจะฆ่าทุกคนให้ถึงตาย ความวุ่นวายดำเนินไปถึงสามวันเต็ม และจบลงเมื่ออาจารย์ใหญ่ในตอนนั้น ยูพราเซีย โมลยอมเซ็นต์สัญญาให้พีฟส์ได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม อย่างเช่นยอมให้มันลอยตัวเล่นในห้องน้ำชายชั้นหนึ่งได้สัปดาห์ละครั้ง ละเว้นความผิดจากการที่มันเอาขนมปังขึ้นราจากโรงครัวมาโยนเล่น และให้หมวกแก่มัน — เป็นหมวกที่ทำโดยมาดามบอนฮาบีเลแห่งปารีส — รานโครัส คาร์พขอเกษียณก่อนกำหนดด้วยเหตุผลเรื่องสุขภาพ และไม่มีความพยามในตั้งกฎเกณฑ์ใดๆ ขึ้นมาเพื่อขับไล่ผู้อาศัยรายนี้ออกจากปราสาทอีกเลย
พีฟส์แยกแยะได้ว่าอะไรควรหรือไม่ควร มันไม่สนใจตำแหน่งหรือเหรียญรางวัลอะไรทั้งสิ้น มันยอมที่จะถูกต่อว่าจากบรรดาอาจารย์ ยอมที่จะอยู่นอกห้องเรียนในยามที่พวกเขากำลังสอน รู้ว่าจะแสดงความเป็นมิตรให้กับนักเรียนเพียงไม่กี่คน (ชัดเจนมากคือเฟร็ดและจอร์จ วีสลีย์) และชัดเจนว่ามันเกรงกลัวผีประจำบ้านสลิธีรินอย่างบารอนเลือด
แปลไทยและเรียบเรียงโดย Shootty แอดมินเพจพอตเตอร์ไดอารี่
หากนำบทความออกไปโปรดอ้างอิงเว็บไซต์และผู้เรียบเรียง