วันเกิด : 10 มีนาคม
ไม้กายสิทธิ์ : ไม้ไซเปรส แกนขนยูนิคอร์น ยาว 10 เศษหนึ่งส่วนสี่นิ้ว ยืดหยุ่นง่าย
สถานะทางสายเลือด : เลือดผสม
บ้านที่ฮออกวอตส์ : กริฟฟินดอร์
ครอบครัว : แต่งงานกับนิมฟาดอร่า ท็องส์ มีลูกชายหนึ่งคน
ความสามารถพิเศษ : ความเชี่ยวชาญในการรับมือและป้องกันตัวกับสิ่งมีชีวิตศาสตร์มืดชนิดต่างๆ
รางวัลเกียรติยศ : เหรียญตราแห่งเมอร์ลินขั้นหนึ่ง เป็นมนุษย์หมาป่าคนแรกที่ได้รับเกียรติอันสูงส่งนี้
รีมัสเป็นลูกชายคนเดียวของ ไลอัล ลูปิน พ่อมดหนุ่มผู้ฉลาดหลักแหลมแต่ขี้อายและมีชื่อเสียงจากการเขียนหนังสือเรื่อง ประเภทของวิญญาณอมนุษย์ ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับโพลเตอไกสต์ บ็อกการ์ต และสิ่งมีชีวิตประหลาดอีกหลายชนิดซึ่งมีพฤติกรรมและรูปร่างคล้ายกับวิญญาณ ในที่นี้หมายถึงไม่ได้มีตัวตนที่จับต้องได้ แต่ก็มีคนสัมผัสถึงมันได้ แม้แต่ในโลกของผู้วิเศษก็ตาม
การเดินทางไปยังป่าทึบในแถบเวลส์ สถานที่ที่มีการร่ำลือกันว่าเป็นที่อยู่ของบ็อกการ์ตที่ดุร้ายที่สุด ทำให้ไลอัลได้พบกับว่าที่ภรรยาของตนเองในอนาคต โฮป โฮเวล มักเกิ้ลสาวรูปงามซึ่งเป็นพนักงานของบริษัทประกันภัยในคาร์ดิฟท์ซึ่งบังเอิญไปเดินเล่นในบริเวณที่ใกล้กับป่าทึบ พวกมักเกิ้ลอาจสัมผัสได้ถึงบ็อกการ์ตและโพลเตอร์ไกส์ได้ และโฮปผู้ซึ่งมีจินตนาการล้ำลึกและอ่อนไหวง่ายต่อสิ่งรอบตัวก็เริ่มรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างกำลังจ้องมองเธอผ่านออกมาจากหมู่แมกไม้ดำทึบ ในที่สุดความคิดของเธอก็เตลิดออกไปและบ็อกการ์ตซึ่งแปลงร่างเป็นชายร่างใหญ่ดูคล้ายกับปิศาจก็พุ่งออกมาจากแมกไม้อย่างรวดเร็วพร้อมเสียงร้องคำราม มันยื่นมือออกมาทั้งสองข้างเตรียมที่จะโจมตีเธอ
ไลอัลได้ยินเสียงกรีดร้องของเธอ เขารีบวิ่งผ่านดงไม้อย่างรวดเร็วพร้อมกับโบกไม้กายสิทธิ์ บ็อกการ์ตตัวนั้นก็หดกลายเป็นเห็ดป่าต้นเล็กๆ นอนอยู่ที่พื้น โฮปที่กำลังตกใจกลัวและสับสนคิดว่าไลอัลจะเข้ามาทำร้ายเธอเพราะเธอบุกรุกเข้ามาในที่ส่วนตัวของเขา ประโยคแรกที่ไลอัลพูดกับเธอคือ “ไม่เป็นไร มันก็แค่บ็อกการ์ตเท่านั้นเอง” ซึ่งไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นสักเท่าไรนัก แต่ไลอัลเมื่อสังเกตุดูโฮปอย่างถ่องแท้เขาจึงพบว่าเธอนั้นสวยมากขนาดไหน เขาตัดสินใจไม่พูดถึงบ็อกการ์ตอีกและบอกเธอไปว่าเขาเห็นชายร่างใหญ่น่ากลัวคนหนึ่งกำลังจะเข้ามาทำร้ายเธอ และเขาก็คิดออกอย่างฉับไวด้วยไหวพริบ (ซึ่งจะเป็นผลดีกับตัวเอง) คือ เขาขอตามไปส่งโฮปที่บ้านด้วยเหตุผลที่ว่าจะคอยคุ้มครองเธอ
ทั้งสองตกหลุมรักกันในเวลาต่อมา แม้ว่าไลอัลจะสารภาพอย่างน่าอายกับโฮปในหลายเดือนต่อมา ว่าจริงๆ แล้วโฮปไม่เคยตกอยู่ในอันตรายจริงๆ อย่างที่เธอเข้าใจ นั่นทำให้เธอสนใจในตัวเขาน้อยลง แต่เพื่อทำให้ไลอัลสมหวังโฮปก็ตอบรับคำขอแต่งงานของเขาและเธอก็พุ่งความสนใจไปยังการเตรียมงานแต่งงาน ซึ่งจบอย่างสมบูรณ์โดยการตัดเค้กที่มีรูปบ็อกการ์ตอยู่บนยอด
ไลอัลและโฮปมีลูกชายคนแรกและคนเดียวคือ รีมัส ลูปิน ซึ่งถือกำเนิดหลังจากทั้งสองแต่งงานกันได้หนึ่งปี รีมัสเป็นเด็กชายตัวเล็ก แข็งแรงและร่าเริง เขามีลักษณะของเวทมนตร์ปรากฏออกมาตั้งแต่แรกเกิด ทั้งไลอัลและโฮปต่างก็หวังว่ารีมัสจะเจริญรอยตามพ่อของเขา ซึ่งรวมไปถึงการได้เข้าเรียนที่ฮอกวอตส์
เมื่อรีมัสอายุได้สี่ขวบ การเคลื่อนไหวของกลุ่มศาสตร์มืดเริ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีคนเพียงส่วนน้อยที่รู้ว่าอะไรอยู่เบื้องหลังการโจมตีและการเคลื่อนไหวนี้ การก้าวขึ้นสู่อำนาจของลอร์ด โวลเดอมอร์ครั้งที่หนึ่งเริ่มก้าวหน้ามากขึ้นและกลุ่มผู้เสพความตายก็เริ่มหาพรรคพวกจากกลุ่มสิ่งมีชีวิตฝ่ายมืดต่างๆ เพื่อยึดอำนาจของกระทรวงเวทมนตร์ ทางกระทรวงจึงเชิญผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตฝ่ายมืด (แม้แต่สิ่งมีชีวิตที่แทบจะไม่เป็นอันตรายอย่างบ็อกการ์ตกับโพสเตอร์ไกต์) มาพูดคุยกับสิ่งมีชีวิตกลุ่มนี้เพื่อให้เกิดความเข้าใจและไม่เข้าร่วมกับกลุ่มผู้เสพความตาย ไลอัล ลูปิน คือหนึ่งในคนที่ถูกเชิญให้เข้าร่วมในการประชุมครั้งนี้ภายใต้การทำงานของกองออกระเบียบและควบคุมสัตว์วิเศษ นี่เป็นงานที่เขาทำอย่างมีความสุขและเป็นสถานที่ซึ่งเขาได้พบกับมนุษย์หมาป่า เฟนเรีย เกรย์แบ็ก เป็นครั้งแรกซึ่งถูกนำตัวมาสอบสวนเกี่ยวกับคดีการตายของเด็กมักเกิ้ลสองคน
สำนักงานลงทะเบียนมนุษย์หมาป่าเป็นหน่วยงานที่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าใด มนุษย์หมาป่ามักจะถูกรังเกียจจากชุมชนผู้วิเศษจึงทำให้พวกเขาไม่ติดต่อหรือมีปฎิสัมพันธ์กับคนอื่นที่ไม่ใช่พวกเดียวกันและมักจะอยู่รวมกันเป็น “ฝูง” และทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้ถูกจับตัวมาขึ้นทะเบียน เกรย์แบ็กผู้ซึ่งยังไม่เคยถูกกระทรวงตรวจพบหรือจับได้ว่าเป็นมนุษย์หมาป่าได้ให้การว่าเขาเป็นแค่มักเกิ้ลเร่ร่อนคนหนึ่งซึ่งกำลังตกใจอย่างมากที่มาอยู่ในห้องที่เต็มไปด้วยพ่อมดแม่มดและรู้สึกหวาดกลัวอย่างมากที่ถูกถามถึงการตายของเด็กที่น่าสงสาร
ด้วยสภาพการแต่งกายที่สกปรกและไม่มีกายสิทธิ์ติดตัวนั้นมากพอที่จะทำให้กรรมการสอบสวนสองคนที่ทำงานมาอย่างหนักแทบจะไม่ได้พักผ่อนและไม่รู้อะไรมากมายเกี่ยวกับมนุษย์หมาป่าเชื่อว่าสิ่งที่เกรย์แบ๊กพูดเป็นความจริง แต่ไม่ใช่กับไลอัล ลูปิน เขารู้จักอย่างดีถึงลักษณะและพฤติกรรมของมนุษย์หมาป่าที่ปรากฏอยู่บนตัวของเกรย์แบ๊ก เขาจึงเสนอแก่คณะกรรมการสอบสวนว่าให้กักตัวเกรย์แบ๊กไว้จนกว่าจะถึงคืนพระจันทร์เต็มดวงครั้งต่อไป ซึ่งก็อีกแค่ยี่สิบสี่ชั่วโมงข้างหน้านี้เอง
เกรย์แบ๊กนั่งอย่างนิ่งเงียบขณะที่ไลอัลถูกเพื่อนร่วมงานคณะกรรมการหัวเราะเยาะ ไลอัลซึ่งปกติเป็นคนสุภาพถึงกับโกรธมากและโพล่งออกมาว่า มนุษย์หมาป่าเป็นปิศาจที่ไร้ความเป็นมนุษย์และสมควรตาย ไลอัลถูกคณะกรรมการไล่ออกจากห้องสอบสวนและประธานกรรมการก็ขอโทษมักเกิ้ลเร่ร่อนที่นั่งเงียบอยู่และก็ปล่อยตัวเขาไป
พ่อมดที่คุ้มกันสองคนซึ่งพาตัวเกรย์แบ๊กออกมาจากห้องสอบสวนได้รับคำสั่งให้ใช้คาถาลบความทรงจำกับเขาซึ่งลืมทำก่อนที่เขาจะถูกพาตัวออกมาจากห้องสอบสวน แต่ทั้งสองคนก็ไม่ได้ลงมือเพราะถูกโจมตีจากเกรย์แบ็กและมนุษย์หมาป่าอีกสองคนที่ดักรออยู่ตรงทางออก จากนั้นมนุษย์หมาป่าทั้งสามตัวก็หนีไป เกรย์แบ็กไม่รอช้าที่จะบอกให้เพื่อนมนุษย์หมาป่ารู้ว่าไลอัล ลูปินพูดถึงพวกเขาว่าอย่างไร การแก้แค้นพ่อมดที่กล่าวว่ามนุษย์หมาป่านั้นสมควรตายจึงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและน่ากลัว
รีมัส ลูปินซึ่งกำลังจะมีอายุครบห้าขวบในอีกไม่กี่วัน กำลังนอนหลับสบายอยู่บนเตียงเมื่อ เฟนเรีย เกรย์แบ็ก งัดหน้าต่างประตูห้องนอนเข้ามาและลงมือทำร้ายเขา ไลอัลเข้ามาในห้องนอนทันเวลาที่จะรักษาชีวิตของลูกชายและใช้คำสาปที่รุนแรงไล่เกรย์แบ๊กออกไปจากบ้าน แต่ว่านับจากนี้เป็นต้นไป รีมัสก็จะโตขึ้นมาเป็นมนุษย์หมาป่า
ไลอัล ลูปิน ไม่มีวันยกโทษให้ตัวเองตลอดชีวิตกับคำพูดที่เขาโพล่งออกไปด้วยโทสะต่อหน้าเกรย์แบ็กในระหว่างการสอบสวน “ปิศาจที่ไร้ความเป็นมนุษย์และสมควรตาย” ตอนนี้เขากลับต้องทำในสิ่งที่มนุษย์หมาป่าทำท่ามกลางสังคมชุมชนผู้วิเศษ แต่ลูกชายของเขาก็ยังเป็นเหมือนเดิมน่ารักและฉลาด เว้นแต่ในคืนพระจันทร์เต็มดวง รีมัสต้องทนกับความเจ็บปวดทรมาณจากการกลายร่างและยังเป็นอันตรายกับทุกคนที่อยู่รอบตัว หลายปีที่ไลอัลเก็บเรื่องราวของสาเหตุการเป็นมนุษย์หมาป่าของลูกชายไว้เป็นความลับ ด้วยเกรงว่ารีมัสจะตามไปแก้แค้น
ไลอัลพยายามหาทางทุกวิถีทางเพื่อรักษาลูกชาย แต่ไม่ว่าจะเป็นคาถาหรือน้ำยาใดๆก็ไม่อาจรักษาลูกชายของเขาได้ นับแต่นี้ไปการใช้ชีวิตของครอบครัวของลูปินต้องคำนึงถึงการปกปิดสถานะของรีมัสเป็นหลัก พวกเขาย้ายบ้านจากเมืองหนึ่งไปยังอีกเมืองหนึ่งและจะย้ายออกจากเมืองทันทีเมื่อเริ่มมีชาวบ้านตั้งข้อสงสัยและปล่อยข่าวลือเกี่ยวกับรีมัส เพื่อนๆของครอบครัวต่างสงสัยว่าทำไมรีมัสมักจะผอมลงทุกทีเมื่อคืนพระจันทร์เต็มดวงรอบใหม่มาถึงยังไม่นับถึงการหายตัวไปของรีมัสเป็นประจำทุกเดือน รีมัสไม่สามารถเล่นกับเด็กคนอื่นๆได้เนื่องจากพ่อแม่เกรงว่ารีมัสจะหลุดปากออกมาเกี่ยวกับสถานะที่แท้จริงของตนเอง ดังนั้น แม้ว่ารีมัสจะได้รับความรักจากพ่อแม่มากแค่ไหนแต่เขาก็ยังเป็นเด็กที่โดดเดี่ยวมากอยู่ตลอดเวลา
เมื่อรีมัสยังเป็นเด็ก ช่วงที่เขาแปลงร่างการควบคุมเขาไว้ในพิ้นที่จำกัดไม่ใช่เรื่องยาก ด้วยการให้อยู่ในห้องที่ปิดล็อกและปกคลุมไว้ด้วยคาถาไร้เสียงก็เพียงพอ แต่เมื่อรีมัสโตขึ้น เมื่ออายุได้สิบปี ด้วยพลังของมนุษย์หมาป่าเขาสามารถทุบทำลายประตูและหน้าต่างได้ไม่ยาก ดังนั้นจึงต้องใช้คาถาที่รุนแรงมากเพื่อยับยั้งเขา โฮปเริ่มผ่ายผอมลงด้วยโรควิตกกังวลและความหวาดกลัว สองสามีภรรยาลูปินรักลูกชายของพวกเขามาก ตอนนี้สภาพสังคมรอบตัวของพวกเขากำลังถูกลุมร้อมด้วยอำนาจของศาสตร์มืดที่กำลังคุกคามไปทั่วโลกผู้วิเศษ ดังนั้น ชุมชนผู้วิเศษจะไม่มีวันเมตตาหรือเห็นใจมนุษย์หมาป่า ทำให้ความหวังที่จะให้รีมัสเข้าเรียนที่ฮอกวอตส์เป็นอันต้องดับลง ทั้งสองตัดสินใจที่จะสอนหนังสือให้กับรีมัสที่บ้านเอง
เมื่อรีมัสอายุได้สิบเอ็ดปี อัลบัส ดัมเบิลดอร์ อาจารย์ใหญ่ของฮอกวอตส์ก็มาหาครอบครัวลูปินโดยไม่ได้บอกกล่าวกันล่วงหน้า อาจารย์ใหญ่ปรากฏตัวอยู่หน้าประตูบ้านของครอบครัวลูปิน ด้วยความกลัวและสับสนไลอัลกับโฮปพยายามกันไม่ให้เขาเข้ามาในบ้าน แต่อย่างไรก็ตามอีกห้านาทีต่อมา อัลบัสก็นั่งอยู่ข้างๆเตาผิงพร้อมกับกินขนมครัมเป็ตและเล่นเกมก็อบสโตนกับรีมัส
ดัมเบิลดอร์เล่าให้ครอบครัวลูปินว่าเขารู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกชายของพวกเขา เกรย์แบ็กคุยโวไปทั่วถึงวีรกรรมต่างๆที่เขาได้ทำไว้และอัลบัสเองก็มีสายลับอยู่ในกลุ่มของศาสตร์มืดด้วย สุดท้ายดัมเบิลดอร์บอกว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะไม่รับรีมัสเข้าเรียนที่ฮอกวอตส์พร้อมทั้งอธิบายถึงการเตรียมการไว้สำหรับการกลายร่างของรีมัสโดยเฉพาะ โดยบอกว่าเขาได้จัดสถานที่ไว้สำหรับการกลายร่างของรีมัสโดยที่จะไม่ทำอันตรายให้กับคนรอบตัว และดัมเบิลดอร์ยังเห็นด้วยที่ว่าเพื่อประโยชน์แก่รีมัสเองจึงไม่ควรบอกให้คนอื่นๆทราบถึงสถานะที่แท้จริงของรีมัส รีมัสจะถูกนำตัวออกไปยังบ้านพักซึ่งมีการรักษาความปลอดภัยและสะดวกสบายเดือนละหนึ่งครั้ง และบ้านหลังนั้นอยู่ในฮอกมีดส์ซึ่งมีทางลับใต้ดินจากสนามของฮอกวอตส์ต่อไปยังบ้านพักโดยตรง
สำหรับรีมัสความตื่นเต้นที่สุดเหนือสิ่งอื่นใดสำหรับเขาคือ เขาจะได้พบกับเด็กคนอื่นๆซึ่งเป็นครั้งแรกที่เขาจะมีเพื่อน รีมัสถูกคัดสรรเข้าสู่บ้านกริฟฟินดอร์ ซึ่งเขาได้พบกับเด็กชายสองคนที่ดูร่าเริ่งและมั่นใจในตัวเองเป็นอย่างยิ่งแถมยังหัวรั้นหน่อยๆ อย่าง เจมส์ พอตเตอร์ และ ซิเรียส แบล็ก ทั้งสองถูกสนใจในตัวรีมัสด้วยความที่เขาเป็นคนเงียบขรึมแต่มองเห็นถึงความตลกขบขันและความมีน้ำใจในตัวของพวกเขาทั้งสองคน (แม้ว่าเจมส์กับซิเรียสจะไม่รู้ว่าพวกเขามีสองสิ่งนี้เลยก็ตาม) รีมัสมักจะยอมและตามใจเพื่อนๆ อยู่เสมอ เขายังใจดีกับ ปีเตอร์ เพ็ตตริกรูว์ เพื่อนร่วมบ้านกริฟฟินดอร์ซึ่งเป็นเด็กชายร่างเล็กและท่าทางเงอะงะ คนที่เจมส์กับซิเรียสไม่เคยคิดว่าน่าสนใจหากรีมัสไม่แนะนำให้พวกเขารู้จัก แต่ท้ายสุดทั้งสี่คนก็กลายมาเป็นคู่หูซึ่งเป็นกระจกสะท้อนเงาให้แก่กันและกัน
รีมัสเสมือนเป็นคนที่คอยตักเตือนเพื่อนๆ ในกลุ่มให้รู้ว่าอะไรถูกต้องและไม่ถูกต้อง ถึงบางครั้งเขาอาจจะไม่ได้ตักเตือนมากเท่าที่ควร เขาไม่เคยสนุกหรือเห็นด้วยทุกครั้งเมื่อเห็นเจมส์กับซิเรียสแกล้ง เซเวอร์รัส สเนป อย่างรุนแรง แต่เพราะว่าเขารักเจมส์กับซิเรียสมากและนึกขอบคุณพวกเขาอยู่ในใจเสมอที่ยอมเป็นเพื่อนกับเขา ทำให้รีมัสไม่ค่อยห้ามปรามเจมส์กับซิเรียสบ่อยเท่าที่ควรจะเป็น
ท้ายสุดรีมัสต้องเผชิญความจริงอย่างเลี่ยงไม่ได้เมื่อเพื่อนรักของเขาทั้งสามคนพบว่ารีมัสมักจะหายตัวไปเดือนละครั้ง ด้วยความโดดเดี่ยวในสมัยเด็ก รีมัสกลัวและแน่ใจอย่างมากว่าเพื่อนทั้งสามคนจะเลิกคบหากรู้ว่ารีมัสเป็นอะไร เขาสร้างเรื่องโกหกขึ้นอย่างแยบยลถึงการหายตัวไปของเขาในแต่ละเดือน แต่เจมส์กับซิเรียสก็พบความจริงในที่สุดเมื่อตอนพวกเขาอยู่ปีสอง ไม่เพียงแต่พวกเขาจะไม่ยอมเลิกคบกับรีมัส (ซึ่งรีมัสประหลาดใจและซาบซิ้งมาก) แต่พวกเขายังหาทางที่จะช่วยอยู่เป็นเพื่อนรีมัสในช่วงที่เขากลายร่างไม่ให้รีมัสโดดเดี่ยวอีกด้วย พร้อมกับยั้งตั้งฉายา “นายจันทร์เจ้า” ให้กับรีมัสซึ่งพวกเขาใช้เรียกกันตลอดเวลาที่อยู่ฮอกวอตส์ รีมัสจบการศึกษาพร้อมกับตำแหน่งพรีเฟ็คของโรงเรียน
เมื่อสหายทั้งสี่จบการศึกษา การขึ้นสู่อำนาจของลอร์ดโวลเดอมอร์ก็ใกล้สำเร็จเต็มที่ การต่อต้านโวลเดอมอร์อย่างเข้มข้นและจริงจังจึงเริ่มขึ้นภายใต้องค์กรลับ ภาคีนกฟีนิกซ์ ซึ่งทั้งสี่คนได้เข้าร่วมองค์กรด้วย
การเสียชีวิตของเจมส์ พอตเตอร์ พร้อมกับภรรยาของเขา ลิลี่ จากการโจมตีของลอร์ดโวลเดอมอร์ สร้างความเสียใจให้กับรีมัสอย่างที่สุดในชีวิต สำหรับรีมัสแล้วเขาให้ความสำคัญกับเพื่อนของเขาเองมากกว่าคนอื่นทั่วไป เพราะรีมัสรู้และยอมรับมาตลอดเวลาว่าคนอื่นทั่วไปจะปฏิบัติกับเขาราวกับเขาเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ แน่นอนว่าเขาไม่มีโอกาสที่จะแต่งงานหรือมีลูกได้อย่างแน่นอน และในอีกยี่สิบสี่ชั่วโมงต่อมาหลังจากการเสียชีวิตของเจมส์เขาก็สูญเสียเพื่อนรักอีกสองคนไปพร้อมกัน ในตอนนั้นรีมัสอยู่ทางภาคเหนือของประเทศและกำลังทำงานให้กับภาคีอยู่ เขาได้รับข่าวว่าหนึ่งในเพื่อนรักของเขาลงมือฆ่าเพื่อนรักอีกคนหนึ่งและตอนนี้ถูกจับเข้าคุกอัซคาบันและคนนั้นเองที่ทรยศเจมส์กับลิลี่
แม้การล่มสลายของลอร์ด โวลเดอมอร์จะสร้างความยินดีไปทั่วโลกผู้วิเศษ แต่สำหรับรีมัสนั้นมันคือจุดเริ่มต้นของความโดดเดี่ยวและความทุกข์ใจที่ค่อยๆ เริ่มโตอยู่ภายในใจของรีมัส ไม่เพียงแค่เขาต้องสูญเสียเพื่อนรักไปพร้อมกันถึงสามคน เพื่อนๆ ในภาคีต่างก็แยกย้ายกันไปตามภาระหน้าที่ต่อการงานและครอบครัวของตนเอง ในตอนนั้นแม่ของรีมัสได้เสียชีวิตไปแล้ว แม้ว่าพ่อของเขา ไลอัล ลูปิน ยังคงยินดีและต้อนรับเขาอยู่เสมอ แต่รีมัสก็ไม่อยากทำให้ชีวิตอันสงบสุขของพ่อต้องจบลงถ้ามีเขาไปอยู่ด้วย เขาจึงออกไปหางานทำ รีมัสทำงานแบบหาเช้ากินค่ำและงานที่ทำนั้นก็ไม่ได้เหมาะสมกับความรู้ความสามารถที่ติดตัวเขาอยู่แม้แต่น้อย เขารู้ตัวอยู่เสมอว่าจะต้องออกจากงานทันทีก่อนที่เพื่อนร่วมงานจะสังเกตุเห็นว่าเขาหายตัวไปเดือนละครั้งในช่วงคืนพระจันทร์เต็มดวง
อัลบัส ดัมเบิลดอร์ ได้มอบจุดเปลี่ยนที่สำคัญอีกครั้งหนึ่งให้กับรีมัส ลูปิน เขาแกะรอยตามหารีมัสจนมาพบเขาที่กระท่อมโทรมจนเกือบร้างในยอร์กเชียร์ รีมัสดีใจอย่างมากที่ได้พบอาจารย์ใหญ่อีกครั้งและก็แปลกใจเมื่อดัมเบิลดอร์เสนอตำแหน่งอาจารย์สอนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดให้กับเขา เขาถูกดัมเบิลดอร์ชักจูงให้รับข้อเสนอนี้ด้วยเหตุผลที่ว่าฮอกวอตส์มีอุปกรณ์และส่วนผสมสำหรับปรุงน้ำยาระงับหมาป่าให้กับรีมัสได้ตลอดเวลาและไม่ต้องออกเงินแต่อย่างใด โดยคนที่ปรุงยานี้ให้กับรีมัสคือ เซเวอร์รัส สเนป
ที่ฮอกวอตส์รีมัสแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความสามารถในการเป็นครู นอกจากพรสวรรค์จากความเข้าใจในวิชาความรู้ที่เขาสอนอย่างถ่องแท้ อีกอย่างหนึ่งคือความเข้าอกเข้าใจซึ่งเป็นสิ่งที่รีมัสมีมาเสมอ นักเรียนที่เขาสอนทุกคนแม้แต่เด็กที่มักจะไม่เก่งและถูกให้รั้งท้ายเสมออย่าง เนวิลล์ ลองบัตท่อม ต่างได้รับอานิสงค์จากการเป็นครูที่ฉลาดและมีเมตตาของรีมัส
อย่างไรก็ตามรอยแผลเก่าในใจของรีมัสกำลังสะกิดใจให้รีมัสสงสัยและคาใจในเรื่องเพื่อนเก่าของเขาคนหนึ่งซึ่งกำลังเป็นที่รู้กันทั่วไปในตอนนั้นว่าได้หนีออกมาจากอัซคาบันและกำลังหลบหนีการตามล่าของกระทรวงอยู่ แต่รีมัสก็ไม่เคยเล่าถึงความสงสัยในใจนี้ให้ใครในฮอกวอตส์ฟัง ความปรารถนาที่อยากจะรู้ความจริงทำให้รีมัสต้องทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจที่อัลบัส ดัมเบิลดอร์มีให้กับเขา อีกทั้งเขายังรู้ว่าตนเองไม่กล้าหาญพอที่จะบอกเรื่องนี้ให้กับดัมเบิลดอร์รู้อีกด้วย นั่นนำมาซึ่งเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันและไม่เป็นผลดีกับรีมัสในที่สุด เมื่อเขากลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่าท่ามกลางสนามหญ้าของโรงเรียน ประกอบกับความแค้นในใจของเซเวอร์รัส สเนปที่มีมาตลอดเวลาซึ่งไม่อาจทำให้มันน้อยลงได้ด้วยความสุภาพที่รีมัสปฏิบัติต่อเขาตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา นั่นทำให้คนทั้งฮอกวอตส์รู้ว่าอาจารย์สอนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดเป็นอะไร รีมัสจึงตระหนักว่าถึงเวลาที่เขาต้องจากฮอกวอตส์ไปอีกครั้งในที่สุด
เมื่อลอร์ด โวลเดอมอร์กลับสู่อำนาจอีกครั้ง ภาคีนกฟีนิกซ์จึงรวมตัวกันอีกครั้งและรีมัสก็เข้าร่วมอีกเช่นกัน ครั้งนี้ภาคีได้มือปราบมารสาวสวยคนหนึ่งมาร่วมด้วย ซึ่งในสมัยก่อนที่มีภาคีครั้งแรกเธอยังเด็กเกินไปที่จะเข้าร่วมได้ นิมฟาดอร่า ท็องส์ ผู้ที่มักจะมีผมเป็นสีชมพูสดใส เธอทั้งฉลาด กล้าหาญและร่าเริง เธอเป็นศิษย์คนเก่งของมือปราบมารผู้แข็งแกร่งและมีผมหงอกขาวโพลนอย่าง อลาสเตอร์ มูดดี้ เพราะแม่มดสาวคนนี้ทำให้รีมัสผู้ซึ่งรู้สึกโดดเดี่ยวและซึมเศร้าอยู่ตลอดเวลาจึงเริ่มรู้สึกสดใสเป็นครั้งแรก จากนั้นจึงตามมาด้วยความประทับใจก่อนที่จะจบลงด้วยความทุกข์อีกครั้ง รีมัสไม่เคยตกหลุมรักใครมาก่อน ซึ่งถ้าหากเป็นช่วงสถานการณ์ปกติเขาคงออกจากภาคีและไปหางานใหม่ทำและไม่ต้องมาทนเห็นท็องส์ตกหลุมรักพ่อมดสักคนหนึ่งที่ทำงานในสำนักงานมือปราบมาร แต่ในช่วงเวลานี้คือสงครามดังนั้นทั้งเขาและท็องส์จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อภาคีนกฟีนิกซ์ และไม่มีใครคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตนเองในวันข้างหน้า ดังนั้นรีมัสจึงตัดสินใจแล้วที่จะอยู่ที่นี่และเฝ้ามองดูเธอต่อไปโดยเก็บซ่อนความรู้สึกนี้ไว้เป็นความลับและเขามักดีใจเสมอเมื่อภาคีจับคู่ให้เขาและนิมฟาดอร่าปฏิบัติงานคู่กันในบางครั้ง
รีมัสไม่เคยคาดฝันว่าท็องส์จะรู้สึกเช่นเหมือนกันกับเขาเพราะเขาคิดอยู่เสมอว่าตนเองนั้นไร้ค่าและไม่คู่ควรกับใคร ผ่านไปหนึ่งปีหลังจากที่มิตรภาพเริ่มก่อตัวขึ้น คืนหนึ่งขณะที่ทั้งสองปฏิบัติภารกิจโดยนอนซ่อนตัวอยู่ด้วยกันนอกบ้านของผู้เสพความตายคนหนึ่ง ท็องส์ก็พูดถึงสมาชิกของภาคีคนหนึ่งขึ้นมาอย่างลอยๆ –“เขายังดูหล่ออยู่นะ ถึงแม้จะเพิ่งออกจากอัซคาบันมาก็เถอะ”-– ก่อนที่รีมัสจะทันได้ฉุดคิดอะไร เขาก็คิดไปเองแล้วว่าท็องส์คงตกหลุมรักเพื่อนสนิทของเขาซะแล้ว เขาจีงตอบเธอไปว่า —“เขาทำให้สาวๆหลงไหลได้อยู่เสมอนั่นล่ะ”-– ซึ่งนั่นทำให้ท็องส์โกรธขึ้นมาทันทีและเธอจึงบอกเขาว่า –“คุณน่าจะรู้ตัวดีนะว่าฉันรักใคร ถ้าคุณไม่มัวแต่จมอยู่กับความเศร้าของตนเองจนไม่ทันสังเกตุเห็น”-–
ความรู้สึกแรกของรีมัสคือเขามีความสุขมากอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนในชีวิต แต่ความสุขนี้ก็พังทลายในแทบจะทันทีด้วยความรู้สึกของเขาเอง เขารู้อยู่ตลอดว่าตนเองไม่อาจแต่งงานได้และเขาไม่อยากส่งต่อความเจ็บปวด น่าอับอาย และอันตรายนี้ไปให้กับคนที่เขารักได้ ดังนั้น รีมัสจึงแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจในสิ่งที่ท็องส์พูดออกมา แต่แน่นอนว่าเขาไม่สามารถหลอกเธอได้เพราะเธอนั้นฉลาดกว่าเขามากในเรื่องของความรู้สึกคน เธอมั่นใจว่ารีมัสนั้นก็รักเธอแต่เขาปฏิเสธที่จะยอมรับในเรื่องนี้เพราะความรู้สึกผิด หลังจากนั้นเขาพยายามที่จะไม่ออกปฏิบัติภารกิจคู่กับเธอ พูดคุยกับเธอน้อยลง และมักจะยินดีอาสาทำงานที่อันตรายมากให้กับภาคี ท็องส์เศร้าอย่างมาก เธอเชื่อว่าไม่เพียงแค่คนที่เธอรักจะไม่อยากเห็นหน้าและใช้เวลาร่วมกับเธอ แต่เขายอมที่จะเดินไปสู่ความตายมากกว่าที่จะยอมรับความรู้สึกของตนเอง
ทั้งรีมัสและท็องส์ต่อสู้กับลอร์ด โวลเดอมอร์และผู้เสพความตายที่กองปริศนา ผลจากการต่อสู้คือการทำให้คนทั่วไปรับทราบถึงการกลับมาของลอร์ด โวลเดอมอร์ การสูญเสียเพื่อนสนิทคนสุดท้ายไม่ได้ทำให้ความคิดที่ทำร้ายตนเองของรีมัสลดลงเลยแม้แต่น้อย เขากลับยิ่งถลำลึกไปมากกว่านั้นโดยการยอมเป็นสายของภาคีกับกลุ่มมนุษย์หมาป่า รีมัสยอมไปใช้ชีวิตร่วมกับมนุษย์หมาป่าและเกลี้ยกล่อมให้พวกนั้นกลับมาอยู่ข้างภาคี จริงๆ เป้าหมายหลักที่รีมัสเปิดเผยตนเองกับมนุษย์หมาป่านั้น คือการแก้แค้นมนุษย์หมาป่าที่กัดเขาเมื่อตอนเป็นเด็กอย่าง เฟนเรีย เกรย์แบ๊ก
รีมัสกลับมาพบกับท็องส์และเกรย์แบ๊กอีกครั้งในปีต่อมา เมื่อภาคีต่อสู้กับผู้เสพความตายในปราสาทฮอกวอตส์ การต่อสู้นั้นรีมัสสูญเสียคนที่เขาเคารพรักมากที่สุดอย่าง อัลบัส ดัมเบิลดอร์ จริงอยู่ที่ดัมเบิลดอร์เป็นที่เคารพรักของคนในภาคีแต่สำหรับรีมัสดัมเบิลดอร์คือสัญลักษณ์ของความเมตตา ความอดทน ความเข้าใจ ซึ่งเขาไม่เคยได้รับจากใครเลยตั้งแต่เกิดมานอกจากพ่อแม่และเพื่อนรักของเขาทั้งสามคนอีกทั้งดัมเบิลดอร์ยังเป็นเพียงคนเดียวที่ให้งานเขาทำในสังคมผู้วิเศษนี้
แต่สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นหลังการต่อสู้อันดุเดือดนี้ คือท็องส์เกิดความกล้าหาญขึ้นมาโดยมีแรงกระตุ้นจากความกล้าหาญของเฟลอร์ เดอลากู ที่ยังคงยึดมั่นในความรักที่มีต่อบิล วีสลีย์หลังจากที่เขาถูกเกรย์แบ๊กทำร้ายอย่างสาหัส เธอจึงประกาศต่อหน้าทุกคนถึงความรู้สึกที่เธอมีต่อรีมัสซึ่งเขาถูกบังคับให้ยอมรับความรู้สึกนั้นต่อหน้าทุกคน แม้เขาจะกังวลใจอยู่ตลอดมาว่าสิ่งที่ทำอยู่นี้มันเห็นแก่ตัวอย่างที่สุด แต่สุดท้ายรีมัสกับท็องส์ก็แต่งงานกันซึ่งจัดอย่างเงียบๆ ในโรงแรมพ่อมดขนาดเล็กซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของสกอตแลนด์ รีมัสยังคงกังวลตลอดเวลาว่าสิ่งโสมมภายในตัวเขาจะส่งไปหาภรรยาด้วยและเขาแน่วแน่ที่จะไม่ประกาศถึงการแต่งงานของพวกเขาทั้งสองคนให้คนนอกได้รับรู้ รีมัสอยู่ท่ามกลางระหว่างความรู้สึกสองอย่างคือความยินดีที่ได้แต่งงานกับความกลัวที่เขาจะนำมาสู่ครอบครัว
ราวสองถึงสามสัปดาห์หลังการแต่งงานท็องส์ก็ตั้งครรภ์ ทำให้ทุกความหวาดกลัวที่รีมัสเคยคิดก็พรั่งพรูเข้ามาในหัว เช่น เขามั่นใจว่าเขาได้ส่งผ่านสภาพที่น่ารังเกียจของตนเองไปให้เด็กไร้เดียงสา เขาทำให้ท็องส์ต้องมีชีวิตเหมือนกับแม่ของเขาที่ต้องย้ายที่อยู่กันตลอดเวลา ไม่สามารถปักหลักอยู่ที่ไหนได้นาน เขาต้องเอาลูกชายซึ่งอาจจะแสดงความก้าวร้าวออกมาไปซ่อนตัวไว้ไม่ให้ใครพบเห็น ด้วยความคิดที่กำลังกัดกินใจของตนเองและการกล่าวโทษตัวเองอยู่ตลอดเวลา รีมัสจึงหนีไปจากท็องส์ที่กำลังตั้งครรภ์อยู่เพื่อออกตามหาแฮร์รี่ โดยตั้งใจที่จะร่วมเดินทางไปกับแฮร์รี่แม้ว่าจะต้องเจออันตรายมากมายในภายภาคหน้าก็ตาม
รีมัสตกใจและไม่พอใจเป็นอย่างมาก เมื่อแฮร์รี่เด็กหนุ่มอายุสิบเจ็ดปีปฏิเสธข้อเสนอของเขา ไม่เพียงแค่นั้นแฮร์รี่ยังโกรธและดูหมิ่นดูแคลนเขาอย่างรุนแรง แฮร์รี่บอกกับอดีตครูสอนวิชาการป้องกันตัวจากศาสตร์มืดของเขาว่า รีมัสนั้นทั้งเห็นแก่ตัวและไร้ความรับผิดชอบอย่างที่สุด รีมัสโต้ตอบแฮร์รี่กลับอย่างรุนแรงซึ่งไม่ใช่นิสัยปกติของเขา เขาออกจากที่ซ่อนตัวของแฮร์รี่ไปด้วยความโกรธที่พุ่งพล่านและไปนั่งหลบอยู่ในมุมมืดของร้านหม้อใหญ่รั่ว เพื่อนั่งดื่มพร้อมกับอารมณ์ที่กำลังเดือด
แต่หลังจากนั้นไม่นาน หลังจากที่รีมัสนั่งคิดอยู่สักพักหนึ่งชั่วโมง เขาก็ต้องยอมรับว่าอดีตนักเรียนที่เขาเคยสอนได้ให้บทเรียนอันยิ่งใหญ่แก่เขา รีมัสคิดได้ว่าแม้แต่เจมส์กับลิลี่ก็ยังสละชีวิตของตนเองเพื่อปกป้องแฮร์รี่ พ่อกับแม่ของเขา ไลอัลและโฮปก็ยอมเสียสละความสุขและความปลอดภัยในชีวิตของตนเองเพื่อให้ครอบครัวได้อยู่พร้อมหน้ากัน รีมัสออกจากที่พักซึ่งเป็นโรงแรมขนาดเล็กด้วยความขมขื่นและละอายใจเพื่อกลับไปหาภรรยาและขอให้เธอยกโทษให้และรับปากให้เธอมั่นใจว่าต่อไปนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาจะไม่ทิ้งเธอไปอีกแน่นอน ช่วงที่ท็องส์ตั้งครรภ์รีมัสจึงงดทำภารกิจของภาคีแต่ตั้งใจเพียงอย่างเดียวคือปกป้องภรรยาและลูกที่กำลังจะลืมตาขึ้นมาดูโลก
ลูกชายของรีมัส คือ เอ็ดเวิร์ด (เท็ดดี้) ลูปิน โดยชื่อกลางถูกตั้งตามชื่อพ่อของท็องส์ สองสามีภรรยาต่างโล่งใจที่เด็กชายไม่แสดงอาการของมนุษย์หมาป่าตั้งแต่แรกเกิด แต่กลับได้รับความสามารถในการเปลี่ยนลักษณะรูปร่างของตนเองมาจากแม่ ในคืนที่เท็ดดี้คลอดรีมัสจากนิมฟาดอร่ามาชั่วขณะและฝากทั้งสองไว้ให้ แอนโดรเมดา ท็องส์ แม่ของนิมฟาดอร่าดูแล เพื่อออกกตามหาแฮร์รี่อีกครั้ง เขาขอร้องให้แฮร์รี่รับเท็ดดี้เป็นลูกทูนหัวพร้อมกับความรู้สึกสำนึกผิดและขอบคุณที่เตือนสติให้เขากลับไปหาครอบครัว
รีมัสกับท็องส์กลับไปยังฮอกวอตส์เพื่อเข้าร่วมสงครามครั้งสุดท้ายในการต่อต้านโวลเดอมอร์ โดยฝากลูกชายตัวเล็กๆไว้ให้อยู่ในความดูแลของคุณยาย ทั้งสองตระหนักดีว่าหากโวลเดอมอร์ชนะในสงครามนี้พวกเขาทั้งครอบครัวต้องถูกกำจัดไปด้วยแน่นอน ด้วยเพราะทั้งสองเป็นสมาชิกของภาคีนกฟีนิกซ์และท็องส์ยังเป็นหลานสาวผู้น่ารังเกียจในสายตาของป้า เบลลาทริกซ์ เลสแตรงจ์ ผู้เสพความตายซึ่งเป็นสมุนเอกคนสำคัญของโวลเดอมอร์ อีกทั้งลูกชายของพวกเขายังเป็นเป้าโจมตีสำหรับพวกบ้าคลั่งความเชื่อเลือดบริสุทธิ์แถมยังเป็นลูกชายซึ่งเกิดจากพ่อที่เป็นมนุษย์หมาป่าอีกด้วย
ถึงแม้ด้วยประสบการณ์การต่อสู้หลายครั้งและผ่านการดวลกับผู้เสพความตายมาก็หลายคนแม้ในสถานการณ์ที่คับขันหรือต้องเจอคู่ต่อสู้ที่ฝีมือใกล้เคียงกัน แต่ รีมัส ลูปิน ก็พลาดท่าและพบจุดจบด้วยน้ำมือของ แอนโทนิน โดโลฮอฟ หนึ่งในผู้เสพความตายผู้ซื่อสัตย์ของลอร์ดโวลเดอมอร์และสนุกสนานกับการทรมาณเหยื่อ เนื่องด้วยรีมัสไม่ได้อยู่ในสภาพต่อสู้มานานกว่าเก้าเดือน เมื่อต้องเร่งรีบเข้ามาร่วมต่อสู้ในสงครามนี้ ทำให้ฝีมือและความไวในการร่ายคาถาของเขาไม่เหมือนเดิม เมื่อเทียบกับโดโลฮอฟที่ผ่านการต่อสู้และการสังหารหรือทำให้เหยื่อบาดเจ็บมามากมาย
รีมัส ลูปิน ได้รับเหรียญตราแห่งเมอร์ลินขั้นที่หนึ่งหลังจากที่เขาเสียชีวิตไปแล้วและเป็นมนุษย์หมาป่าคนแรกที่ได้รับเกียรติยศอันสูงส่งนี้ แบบอย่างการใช้ชีวิตและการเสียชีวิตของเขาทำให้ยกฐานะของมนุษย์หมาป่าที่ดูย่ำแย่และต้อยต่ำในสังคมผู้วิเศษให้สูงขึ้นมาได้อีกมาก ผู้คนที่รู้จักเขาจะจดจำ รีมัส ลูปิน ไว้ในฐานะชายที่กล้าหาญและมีความโอบอ้อมอารี ผู้ซึ่งใช้ชีวิคอย่างมีคุณค่าที่สุดในช่วงที่ชีวิตพบเจอแต่ความยากลำบากและผู้ที่ช่วยเหลือคนอื่นๆอีกมากมายกว่าที่คุณจะรู้ได้
“รีมัส ลูปิน เป็นหนึ่งในตัวละครที่ฉันชอบมากที่สุดในหนังสือชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์ ฉันเพิ่งหยุดร้องไห้หลังจากที่เขียนบันทึกเรื่องราวของเขาเสร็จเมื่อสักครู่ ฉันเกลียดจริงๆที่ต้องฆ่าตัวละครนี้
สถานภาพของลูปินที่เป็นมนุษย์หมาป่า คือการเปรียบเทียบให้เห็นถึงผู้คนที่เป็นโรคซึ่งคนเหล่านั้นต้องพบกับความอับอายไปตลอดชีวิต อย่างเช่น โรคภูมิคุ้มกันบกพร่องและโรคเอดส์เป็นความเชื่อแบบผิดๆ คล้ายกับความเชื่อเรื่องสายเลือดบริสุทธิ์ในสังคมโลกผู้วิเศษที่ก่อให้เกิดอคติและความกลัวกับคนกลุ่มนี้คล้ายกับในโลกของมักเกิ้ล และฉันเลือก รีมัส ลูปิน เป็นตัวเดินเรื่องในทัศนคติเหล่านี้
ผู้พิทักษ์ของรีมัสไม่เคยถูกเปิดเผยในหนังสือชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์ แม้ว่าเขาจะเป็นคนสอนให้แฮร์รี่รู้จักและใช้คาถาผู้พิทักษ์อันยากยิ่งและทรงพลัง ความจริงคือผู้พิทักษ์ของรีมัสคือ หมาป่าที่เป็นหมาป่าธรรมดาทั่วไป หมาป่าเป็นสัตว์ที่รักครอบครัวและไม่ก้าวร้าวแต่รีมัสไม่ชอบรูปร่างผู้พิทักษ์ของเขาเอง เพราะเขารังเกียจทุกอย่างที่เกี่ยวข้องหรือมีรูปร่างคล้ายกับมนุษย์หมาป่าเขามักจะสร้างผู้พิทักษ์ที่มีรูปร่างไม่แน่นอนเมื่ออยู่ต่อหน้าคนทั่วไป”
แปลไทยและเรียบเรียงโดย Shootty แอดมินเพจพอตเตอร์ไดอารี่
หากนำบทความออกไปโปรดอ้างอิงเว็บไซต์และผู้เรียบเรียง