“คนข้ามเพศต้องการและสมควรได้รับการปกป้อง”
“ฉันเชื่อว่าคนข้ามเพศส่วนใหญ่ไม่เพียงแต่ไม่ใช่ภัยคุกคามต่อผู้อื่น แถมพวกเขายังอ่อนไหวด้วย”
“ฉันเคารพในสิทธิที่คนข้ามเพศทุกคนควรจะได้ใช้ชีวิตได้อย่างถูกต้องและสบายใจ”
“ฉันรู้สึกเห็นใจและเข้าใจหัวอกคนข้ามเพศ ที่ถูกผู้ชายทำร้ายเหมือนกัน”
ข้อความเหล่านี้เขียนโดย เจ.เค.โรว์ลิ่ง ผู้ประพันธ์นิยายชื่อดังอย่าง แฮร์รี่ พอตเตอร์ และเป็นนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน และเป็นยัยป้าเกลียดคนข้ามเพศ (transphobe) ตามกระแสบนโลกออนไลน์ของกลุ่มนักเคลื่อนไหวข้ามเพศและกลุ่ม L.G.B.T.Q ที่ตื่นรู้ทางการเมือง หรือ แม้แต่แฟนตัวยงของโรว์ลิ่งเอง - The Leaky Cauldron หนึ่งในเว็บแฟนไซต์ที่ใหญ่ที่สุดของแฮร์รี่ พอตเตอร์ กล่าวว่าโรว์ลิ่งได้สนับสนุนความเชื่อที่เป็นอันตรายและพยายามลบล้างตัวตนของกลุ่มคนข้ามเพศ พวกเขาได้ประกาศเมื่อปี 2020 ว่า ต่อไปนี้จะหลีกเลี่ยงการลงสื่อหรือข้อความใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับโรว์ลิ่งอีก
มีการรณรงค์ให้ร้านหนังสือต่างๆ เอาชื่อเธอลงจากชั้นขาย – มีบางร้านที่ทำตาม – โรว์ลิ่งยังได้รับคำต่อว่า ด่าทอทางสื่อออนไลน์ ทั้งทางตรงและทางอ้อมและเริ่มถูกคุกคามความเป็นส่วนตัว ไปจนถึงการใช้คำขู่คุกคามเธอทั้งทางกายและทางเพศ - จนถึงขั้นมีกลุ่มทรานส์ถือป้ายประท้วงที่หน้าบ้านของเธอ พร้อมกับจงใจถ่ายรูปให้ติดเลขที่บ้านแล้วโพสต์ลงในสื่อออนไลน์
“มีคนมายืนอยู่หน้าบ้านของฉัน บ้านที่ฉันอาศัยอยู่กับลูก พวกเขาโพสต์ที่อยู่ของฉันบนสื่อออนไลน์ – แค่นี้ก็เพียงพอที่ตำรวจจะเชื่อได้แล้วว่าเป็นภัยคุกคามจริงๆ”
เจ.เค.โรว์ลิ่ง
บทสัมภาษณ์บางส่วนจาก The Witch Trail of J.K.Rowling
การต่อต้านโรว์ลิ่งเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น เมื่อเกิดเหตุการณ์ลอบทำร้าย ซัลแมน รัชดี (Salman Rushdie) นักเขียนชาวอเมริกัน โรว์ลิ่งออกมาทวิตข้อความให้กำลังใจรัชดี แต่ขณะเดียวกันเธอก็ได้รับคำขู่ฆ่าต่อจากเขาทันที
"แกจะเป็นรายต่อไป.."
แล้วทำไมใครๆ ถึงกล่าวหาว่าเธอเป็นพวกเกลียดคนข้ามเพศ (transphobia) หรืออย่างน้อยคุณก็อาจคิดว่า “ไม่ทั้งหมดหรอกแต่เธอมีส่วนที่ต้องเกลียดคนข้ามเพศแน่ๆ” - งั้นเหรอ ?
ถ้าให้ตอบแบบตรงๆ
เพราะเธอยืนยันถึงสิทธิในการสงวนพื้นที่ปลอดภัยสำหรับเพศหญิง(sex) เท่านั้น อย่างเช่น ห้องน้ำ ห้องแต่งตัวและทัณฑสถาน พื้นที่ที่ควรแบ่งตามเพศโดยกำเนิดเท่านั้น
เพราะเธอยืนยันว่าการกำหนดสถานะทางเพศให้กับตนเอง เมื่อมีกฏหมายเข้ามาเกี่ยวข้อง การใช้เพศสภาพ (gender) เพียงอย่างเดียวนั้นมันไม่เพียงพอ
เพราะเธอตั้งคำถามกับคำว่า “คนที่มีประจำเดือน” โดยอ้างอิงถึงผู้หญิงที่เป็นเพศโดยกำเนิด
เพราะเธอกำลังปกป้องตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้นยังสนับสนุนนักวิชาการด้านสิทธิสตรี ซึ่งกำลังถูกโจมตีจากกลุ่มนักเคลื่อนไหวข้ามเพศ
และเพราะติดตาม Twitter ของหลายๆ คนที่ดูจะต่อต้านคนข้ามเพศ
คุณอาจจะไม่เห็นด้วย (อย่างมากๆ) กับมุมมองและการกระทำของโรว์ลิ่งในข้างต้น คุณอาจคิดว่า การที่คุณไม่เห็นด้วยหรือต่อต้านแนวคิดของกลุ่มนักเคลื่อนไหวข้ามเพศ นั่นก็ เป็นการยอมรับแล้วว่าคุณเกลียดพวกเขากลายๆ ซึ่งนั่นเป็นการเผยแพร่และตอกย้ำความเกลียดชังให้กับกลุ่มคนข้ามเพศเพิ่มขึ้นไปอีก --- แต่กระนั้น จนถึงบัดนี้ ก็ไม่มีสิ่งใดที่เป็นตัว “ชี้ชัด” ได้สักอย่างว่าโรว์ลิ่งเป็น transphobia จริงๆ
เธอไม่เคยบอกว่าคนข้ามเพศไม่มีอยู่จริง เธอไม่เคยคัดค้านการแปลงเพศ ถ้าหากว่ามันเกิดขึ้นอย่างถูกต้องโดยผ่านการประเมินและทำโดยผู้เชี่ยวชาญ อีกทั้งยังไม่มีหลักฐานบ่งชี้ว่า เธอกำลังทำให้คนข้ามเพศตกอยู่ในอันตราย อย่างที่พยายามกล่าวอ้างกัน
E.J. Rosetta นักวิจารณ์ที่ครั้งหนึ่งเคยกล่าวหาว่าโรว์ลิ่งเป็น transphobia ได้รับหน้าที่ให้เขียนบทความ “20 คำพูด transphobia ของเจ.เค.โรว์ลิ่ง พอกันที!”
แต่หลังจาก 12 สัปดาห์ที่ Rosetta ทำการรวบรวม หาหลักฐานข้อมูล เธอได้ข้อสรุปสั้นๆว่า “ไม่เจอหลักฐานที่เป็นเชิงประจักษ์เลย” ก่อนจะประกาศใน Twitter ส่วนตัวว่า “พวกคุณเผาแม่มดผิดตัวแล้ว!”
ฉันเองก็เช่นกัน – ฉันอ่านนิยายของโรว์ลิ่งทุกเล่ม - รวมถึงนิยายสืบสวนที่เธอใช้นามปากกาว่า Robert Galbraith แล้วก็ไม่ได้อะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันกลับมาเช่นกัน เนื่องจากมีการกล่าวว่า “ชุดนิยายสืบสวนของเธอ ให้คนร้ายเป็นคนข้ามเพศ หรือคนร้ายผู้ชาย สวมชุดผู้หญิงไปก่อนอาชญากรรม นั่นจึงยิ่งสะท้อนให้เห็นว่าโรว์ลิ่งเกลียดพวกคนข้ามเพศ” -
ฉันไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมากมาย นอกจากเห็นได้ชัดว่ามีคนฉวยโอกาสเอาตรงนี้มาขยายความเพื่อโจมตีเธอ
Megan Phelps-Roper โปรดิวเซอร์จาก Free Press ที่เพิ่งจะสัมภาษณ์โรว์ลิ่งมาหมาดๆ เมื่อหน้าร้อนปีที่แล้ว และเตรียมออกอากาศผ่าน podcast : The Witch Trials of J.K. Rowling ในสัปดาห์หน้า (21 กุมภาพันธ์) – Phelps-Roper เติบโตมาในครอบครัวที่คลั่งศาสนา เธอเคยประนาม เจ.เค.โรว์ลิ่งว่าจะต้องตกนรกจากการสนับสนุนสิทธิของพวกเกย์ – ก่อนเธอจะคิดทบทวนตัวเองใหม่เมื่อเติบโตขึ้น Phelps-Roper ส่งจดหมายไปหาโรว์ลิ่งเพื่อขอสัมภาษณ์เกี่ยวกับมุมมองและความคิดของเธอ ซึ่งกำลังเป็นประเด็นอยู่ในตอนนี้ – พร้อมกับบอกที่มาในอดีตของเธอผ่านหนังสือ “Unfollow: A Memoir of Loving and Leaving Extremism” ที่เธอแนบไปกับจดหมายฉบับนั้นด้วย
โรว์ลิ่งตอบรับที่จะให้สัมภาษณ์แก่ Phelps-Roper การสัมภาษณ์ครั้งนี้จะเผยถึงที่มาที่ไปว่าทำไมโรว์ลิ่งจึงตัดสินใจออกมาตั้งคำถามในบางประเด็นของอุดมการณ์ทางเพศสภาพ (gender ideology) อย่างเช่น การขอให้ยอมรับหญิงข้ามเพศให้เท่าเทียมกับเพศหญิงแท้ๆ ไม่ว่าจะทางกฏหมายหรือสังคม - ทำไมโรว์ลิ่งถึงยังยืนยันในแนวคิดของตนเอง แม้จะถูกกระแสโต้กลับที่รุนแรงทั้งจากแฟนๆ และกลุ่มนักวิจารณ์
“คุณรวยอยู่แล้ว อยู่ในที่ปลอดภัย คุณมีเงินจ่ายค่ารักษาความปลอดภัยได้ ทำไมไม่อยู่เงียบๆ ไปล่ะ
– แต่ฉันว่านั่นมันผิดประเด็นไปหน่อยนะ -
ความพยายามที่จะบอกให้ฉันหุบปากนี่ล่ะ คือการส่งสัญญาณเตือนถึงผู้หญิงทุกคนว่าให้อยู่เงียบๆ อย่าออกมาพูดเรื่องนี้ถ้าไม่อยากเดือดร้อน – ฉันกล้าพูดแบบนี้เพราะมีผู้หญิงหลายคนที่คิดแบบฉัน แต่พวกเขาก็ได้รับคำขู่ประมาณว่า"
"ดูสิ่งที่เกิดขึ้นกับ เจ.เค.โรว์ลิ่งสิ ระวังตัวไว้ให้ดี”
เมื่อไม่นานมานี้ Joanna Cherry สมาชิกสภานิติบัญญัติจากพรรคชาติสก็อตแลนด์ ผู้ซึ่งเป็นเฟมินิสต์และเลสเบี้ยน ได้ตั้งคำถามผ่านสาธารณะเกี่ยวกับกฏหมายระบุตัวตน (self-ID Law) ฉบับใหม่ของสก็อตแลนด์ ที่อนุญาตให้ผู้คนสามารถระบุเพศของตนเองได้ตามที่ต้องการ โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการแปลงเพศ - ในกรณีของผู้หญิงข้ามเพศ คือ เพียงแค่คุณใช้ชีวิตให้เหมือนผู้หญิงเพียงสามเดือน ก็สามารถระบุเพศในบัตรประชาชนว่าเป็นผู้หญิงได้เลย และจะได้รับสิทธิการคุ้มครองเหมือนกับเพศหญิงโดยกำเนิดทุกประการ
หลังจากนั้นไม่นาน Cherry ก็รายงานว่าเธอถูกขู่คุกคามทั้งจากที่ทำงานและถูกขู่ฆ่า นอกจากนั้นยังถูกถอดออกรัฐสภา ในตำแหน่งโฆษกหญิง
"ฉันพบว่าหลายคนไม่กล้าออกมาดีเบตในประเด็นนี้ เพียงเพราะว่ากลัวจะถูกตราหน้าว่าเป็น transhobia กับพวกเหยียดเพศ"
Phelps-Roper บอกฉันว่าโรว์ลิ่งกล่าวอย่างตรงไปตรงมา ถึงสาเหตุที่เธอออกมาเคลื่อนไหวในเรื่องนี้
“คนกลุ่มหนึ่งคิดว่าเธอกำลังใช้ความเป็นอภิสิทธิชนกลั่นแกล้งกลุ่มคนที่เปราะบาง แต่ฉันคิดว่า
เธอกำลังยืนหยัดเพื่อปกป้องสิทธิของกลุ่มเปราะบางนั้นต่างหาก”
โรว์ลิ่ง กล่าวเพิ่มเติมกับ Phelps-Roper ว่า "เธอมองไปรอบๆ และเห็นว่าผู้คนกำลังปิดปากตัวเอง พวกเขาไม่กล้าที่จะพูดมันออกมา เธอจึงรู้สึกว่ายิ่งต้องซื่อสัตย์และยืนหยัดขึ้นเพื่อต่อสู้กับการเคลื่อนไหวนี้ ที่เธอเห็นแล้วว่า กำลังใช้กลยุทธ์แบบเผด็จการ"
เธอเขียนในสมุดโน้ตหน้าแรก ขณะการให้สัมภาษณ์แก่ Phelps-Roper ว่า "การกลั่นแกล้งและเผด็จการเป็นความเจ็บป่วยที่เลวร้ายที่สุดของการเป็นมนุษย์" - กลุ่มคนที่กล่าวหาว่าโรว์ลิ่งกำลังถากถางผู้วิจารณ์เธอ กลับเพิกเฉยข้อเท็จจริงที่ว่า เธอกำลังปกป้องคนที่ไม่กล้าเปิดปาก เพราะจะต้องตกงาน ถูกลากมาประนามในที่แจ้ง หรือ ถูกคุกคามทั้งทางกายและทางใจจากการตั้งคำถามเกี่ยวกับแนวคิดของความหลากหลายทางเพศในปัจจุบัน
การใช้สื่อออนไลน์เพื่อโจมตีเป้าหมาย เป็นเรื่องที่ Phelps-Roper คุ้นเคยกับมันดี "เรามักจะเอนเอียงเข้าหาอะไรก็ตามที่มันดึงดูดความสนใจเรามากที่สุด และมันมักจะเป็นความเชื่อที่มาพร้อมกับความอุกอาจและก้าวร้าว"
นี่อาจเป็นสัญญาณว่าลมกำลังจะเปลี่ยนทิศ ไม่เพียงแค่ Phelps-Roper แต่อีกหลายๆ ภาคส่วน โดยเฉพาะกฏหมายที่คุ้มครองไม่ให้คนต้องถูกไล่ออกจากงานเพียงเพราะไม่เห็นด้วยกับแนวคิดที่แตกต่าง แต่ในที่สุดแล้ว ดูเหมือนหลายคน กล้าที่จะกระโดดเข้ามาสู่ดีเบตอันร้อนแรงนี้ - ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา นักแสดงจากแฮร์รี่ พอตเตอร์ - ก่อนหน้านี้หลายคนเลือกจะเงียบ หรือบ้างก็ออกมาบอกว่าไม่เห็นด้วยกับเธอ โดยไม่ได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าโรว์ลิ่งกำลังยืนหยัดเพื่ออะไร -
Robbie Coltrane, Helena Bonham Carter และ Ralph Fiennes ก็ได้ออกมาปกป้องโรว์ลิ่งผ่านสื่อสาธารณะ
แม้สำนักข่าวส่วนใหญ่ - หลายแห่งเป็นสื่อที่น่าเชื่อถือ - จะพร้อมใจกันรายงานไปในทิศทางเดียวกัน แต่ก็เริ่มมีนักข่าวเริ่มออกมาปกป้องโรว์ลิ่งเหมือนกัน Caitlin Flanagan นักข่าวจากสำนักพิมพ์ใหญ่อย่าง The Alantic ทวิตข้อความเมื่อปีที่แล้วว่า
"สุดท้ายเธอจะได้รับการพิสูจน์ว่าแนวคิดของเธอนั้นถูกต้อง ค่าตอบแทนอันสูงลิ่วจากการยึดมั่นในความเชื่อของเธอในครั้งนี้ คือการบอกว่าใครบ้างเป็นคนที่มีหลักการ"
ในอังกฤษ Hadley Freeman คอลัมนิสต์ฝั่งเสรีนิยมลาออกจาก The Guardian หลังจากพวกเขาปฏิเสธที่จะให้เธอเข้าไปสัมภาษณ์ เจ.เค.โรว์ลิ่ง - Freeman ย้ายมาร่วมทีมกับ The Sunday Times และบทความแรกของเธอคือการเขียนคอลัมยกย่อง เจ.เค.โรว์ลิ่ง ให้เป็นเฟมินิสต์ตัวแม่ - หลังจากนั้นไม่นาน คอลัมนิสต์อีกคนก็ลาออกจาก The Guardian ตาม Freeman ไปด้วยเหตุผลคล้ายๆ กัน ก่อนจะเผยแพร่บทความให้กับ The Telegraph โดยเป็นการปกป้อง เจ.เค.โรว์ลิ่ง - จากนั้นเธอก็ได้รับคำขู่ฆ่าและข่มขืน เนื่องจากบทความที่เธอตีพิมพ์
ผู้ติดตามอ่านผลงานโรว์ลิ่งนับล้านคน อาจไม่ตระหนักถึงพลังแห่งการโน้มน้าวใจที่เธอมี - แต่มันก็ไม่ได้มีความหมายในแง่ลบจริงๆ เหมือนกับที่หลายคนพยายามจะให้มันเป็น - มันไม่ใช่ความชั่วร้ายกับความลุ่มหลงแน่นอน แต่กระนั้นก็มีความพยายามจะปลูกฝังเมล็ดพันธุ์ความคิดให้กับคนรุ่นใหม่ได้เชื่อว่า งานเขียนของโรว์ลิ่งนั้น "มีปัญหา" และการชื่นชอบผลงานของเธอนั้นเป็นสิ่ง "ไม่สมควร" - เห็นได้ชัดจากในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา มีความพยายามจะกล่าวหาเหล่าสตรีมเมอร์ที่เล่นเกมส์ Hogwarts Legacy ว่าเป็นพวก transphobia เนื่องจากพวกเขาเล่นเกมส์ที่มาจากนิยายของ เจ.เค.โรว์ลิ่ง - ช่างเป็นความน่าอัปยศและอับอายอย่างที่สุด
สิ่งที่โรว์ลิ่งเคยกล่าวไว้ในปี 2016 ตอนรับรางวัล PEN/Allen Foundation award สำหรับงานวรรณกรรมจิตอาสา โรว์ลิ่งได้กล่าวสนับสนุนกลุ่มเฟมินิสต์และคนข้ามเพศ - และเธอได้กล่าวไว้ว่า "เหล่านักวิจารณ์มีอิสระในการพูดว่างานเขียนของฉันกำลังทำให้เด็กนับถือลัทธิซาตาน และฉันก็มีอิสระที่จะพูดว่าฉันกำลังสำรวจธรรมชาติและคุณธรรมของมนุษย์ หรือจะให้พูดง่ายๆ ก็คือ พวกคุณมันงี่เง่า - ขึ้นอยู่กับว่าวันนั้นฉันก้าวขาข้างไหนออกจากบ้านละกันนะ"
การปกป้องคนที่ถูกคุกคามนั้นไม่ง่าย โดยเฉพาะกับคนหนุ่มสาว - ซึ่งผู้ที่อ่านแฮร์รี่ พอตเตอร์ต่างรู้ดี ว่าหลายครั้งต้องให้ผู้ใหญ่เป็นคนริเริ่มและนำทาง เช่นเดียวกัน ถ้ามีคนมากมายกล้าที่จะยืนหยัดเพื่อ เจ.เค.โรว์ลิ่ง พวกเขาไม่เพียงกำลังทำในสิ่งที่ถูกต้องเพื่อเธอ แต่พวกเขายังยืนหยัดเพื่อสิทธิมนุษยชน ทั้งสิทธิสตรี คนรักร่วมเพศ และแน่นอน ว่าคนข้ามเพศด้วย - โดยเป็นการยืนหยัดอยู่บนพื้นฐานของความจริงและหลักการ.
เรียบเรียงบทความโดยโดย Shootty แอดมินเพจพอตเตอร์ไดอารี่
หากนำบทความออกไปโปรดอ้างอิงเว็บไซต์และผู้เรียบเรียง
ติดตามกันได้ที่เพจ https://www.facebook.com/potterdiarythaifa