David Zaslav บอสคนใหม่ของสตูดิโอ เล็งเห็นความสำคัญ
ในการกอบกู้ความสัมพันธ์อันแนบแน่นกับผู้สร้างแฮร์รี่ พอตเตอร์
ถ้า Warner Bros. สตูดิโอชื่อดังของฮอลลีวู้ดไม่นำแฮร์รี่ พอตเตอร์มาสู่จอเงินและสวนสนุกโลกเวทมนตร์ทั่วโลก เจ.เค.โรว์ลิง อาจจะยังคงอยู่ใต้ผ้าคลุมล่องหนต่อไปจนทุกวันนี้
เป็นเวลากว่า 2 ปี ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2022 ที่นักเขียนแฮร์รี่พอตเตอร์ได้ถูกกีดกัน ตั้งแต่รายการ Harry Potter 20th Anniversary: Return to Hogwarts ซึ่งสตรีมผ่าน HBO Max การไม่ปรากฏตัวในรายการของโรว์ลิงเป็นประเด็นคำถามมากมาย และอีกครั้งในปีเดียวกัน เมื่อเธอเข้าร่วมงานเปิดตัวภาพยนตร์สัตว์มหัศจรรย์ (ความลับของดัมเบิลดอร์) รอบปฐมทัศน์ ก็ไม่ปรากฏภาพของโรว์ลิงถ่ายร่วมกับกลุ่มนักแสดง
เหล่าดาราที่เข้ามาสวมบทตัวละครอันเป็นเอกลักษณ์ของโรว์ลิงต่างไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเธอ นักวิจารณ์และอดีตแฟนๆ ใช้เวลากว่า 2 ปีไปกับการตำหนิเธอเกี่ยวกับมุมมองด้านเพศสภาพและเพศกำเนิดซึ่งพวกเขามองว่าเป็นการโจมตีสิทธิของกลุ่มคนข้ามเพศ และ Warner ก็ไม่ได้แก้ต่างหรือปกป้องเธอ จึงไม่แปลกถ้าโรว์ลิงอาจจะรู้สึกว่าถูกหักหลังจากบริษัทที่โกยเงินได้หลายพันล้านดอลลาร์จากผลงานของเธอ
ไปรษณีย์นกฮูกที่ถูกส่งมาถึงเรา แจ้งว่า เดวิด ซาสลาฟ ประธานบริหารคนใหม่ของบริษัทแม่อย่าง Warner Bros. Discovery มีงานใหญ่คือการรีบซ่อมแซมความเสียหาย จากตัวเลขของหุ้นบริษัทที่กำลังดิ่งลงกว่า -9.94% ซาสลาฟเริ่มงานใหม่ทันที เมื่อกลุ่มผู้บริหารบอกว่า ถ้าคุณยังไม่อยากเสียโอกาสในการเอาชนะใจนักเขียนที่เป็นเจ้าของสินทรัพย์ที่มีค่าที่สุดของบริษัท เขาจึงรีบจองตั๋วและบินไปยังสหราชอาณาจักรทันที
ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่งในลอนดอน ซาสลาฟและโรว์ลิงนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารร่วมกัน ใช้เวลากว่า 4 ชั่วโมงในการพูดคุยกัน มีเรื่องราวในวัยเด็ก ครอบครัวของทั้งสอง รวมไปถึงช่วงการระบาดของโควิด-19 ซาสลาฟบอกเธอว่าเขาต้องการเติมสีสันให้กับแฟรนไชนส์ของแฮร์รี่ พอตเตอร์ และเขามองว่าการทำซีรีย์เป็นกลยุทธ์และเสาหลักที่มีศักยภาพในธุรกิจสตรีมมิ่งของบริษัทในตอนนี้ - ซึ่งเขาพยายามพูดคุยกับเธออย่างใจเย็น ไม่ผลีผลามเพื่อเป็นการกอบกู้ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนและสะเทือนอารมณ์ จนหลายคนบอกว่าเหมือนเขากำลังจะขอโรว์ลิงแต่งงานมากกว่าการเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกัน
"เป็นยังไงบ้างกับการได้เข้ามาบริหาร" โรว์ลิงถามเขาด้วยความคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี "เป้าหมายของคุณคืออะไร"
"คุณไงล่ะ คือเป้าใหญ่ที่สุด" ซาสลาฟตอบ
ตลอดระยะเวลากว่า 25 ปีที่ผ่านมา เจ.เค.โรว์ลิงยังคงมีอิทธิพลเหนือกลุ่มผู้บริหารของ Warner ซึ่งซื้อลิขสิทธิ์ชุดนิยายแฟนตาซีของเธอตั้งแต่ตอนที่เธอยังเป็นนักเขียนโนเนม เมื่อความนิยมของแฮร์รี่ พอตเตอร์เริ่มขยาย อิทธิพลของโรว์ลิงก็เพิ่มสูงขึ้นไปด้วย ที่ผ่านมาเธอใช้อำนาจทางพฤตินัยในการควบคุมสินทรัพย์บางอย่างของ Warner ไปจนถึงการยับยั้งแนวคิดและจำกัดการขยายหรือแตกเรื่องราวของจักรวาลโลกเวทมนตร์ ซึ่งมีการประชุมเรื่องนี้กันปีละ 2 ครั้งที่โรว์ลิงเรียกมันว่า "การประชุมกระทรวงเวทมนตร์"
ผู้บริหารลงทุนบินข้ามแอตแลนติกเพื่อสะกดใจเธอ หรืออาจเรียกว่าเป็นการปรับความเข้าใจใหม่หลังจากมีข้อพิพาทระหว่างกัน หลายคนใน Warner Bros. คุ้นเคยกับเธอดี แต่โรว์ลิงก็รักษาระยะห่างกับพวกเขาตั้งแต่เริ่มมีประเด็น เพื่อความสบายใจและไม่ต้องการสร้างข้อกังขามากขึ้นกว่าเดิม มีเพียงไม่กี่คนที่เข้าใจและยังคงติดต่อ "โจ" อยู่เสมอ
แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายนับครั้งไม่ถ้วน แต่ผลลัพธ์ที่ปรากฏในอดีตก็เด่นชัดจนปฏิเสธไม่ได้ เกือบทศวรรษที่ Warner ทำแฮร์รี่ พอตเตอร์สู่จอเงิน ทำให้รายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้นสุทธิกว่า 57% ในปี 2011 (ปีที่ภาพยนตร์แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ เครื่องรางยมทูต ภาค 2 เข้าฉาย) ยิ่งไปกว่านั้น สวนสนุกและวีดีโอเกมที่ได้รับการต่อยอด จนทำให้จักรวาลโลกเวทมนตร์ยังคงมีมนตร์ขลังทั่วทั้งโลกมาจนถึงปัจจุบัน
ตอนนี้ซาสลาฟต้องการเขียนตำนานบทใหม่ให้กับแฟรนไชนส์นี้อีกครั้ง โดนหวังว่ามันจะเป็นตัวจุดประกายความหวังครั้งใหญ่ให้กับสตูดิโอในนับตั้งแต่เข้ายึดเก้าอี้ CEO ในเดือนเมษายน 2022 ภายหลังการควบรวมกิจการของ WarnerMedia และ Discovery ซาสลาฟกำลังพยายามทำให้วอลสตรีทเห็นว่าเขามีความสามารถที่จะเอาชนะการแข่งขันในธุรกิจสตรีมมิ่งซึ่งกำลังดุเดือดอยู่ในขณะนี้ได้ แม้ตัวเลขของบริษัทจะสวนทางราวกับกำลังป่วยด้วยโรคเลือดจางก็ตาม - หุ้นของ Warner Bros. ดิ่งลงเกือบ 65% ภายหลังการควบรวมกิจการ และวันศุกร์ที่ผ่านมารายได้ของบริษัทลดลงและขาดทุนกว่า 200 ล้านเหรียญ หลังจากเสียยอดผู้ติดตามในช่องสตรีมมิ่งไปจำนวนมากในอเมริกาและแคนาดา
ซาสลาฟปรากฏตัวที่ฮอลลีวู้ดโดยพยายามนำเสนอตัวเองว่าเป็นเจ้าพ่อสตูดิโอยักษ์ใหญ่ที่จะผูกมิตรกับผู้มีความสามารถทุกคน แต่เขาก็สร้างศัตรูอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่สั่งลดต้นทุนการผลิตจนทำให้ซีรีย์หลายเรื่องถูกถอดจากรายการสตรีมมิ่งของบริษัท สั่งระงับภาพยนตร์ Batgirls และ Looney Tunes ไม่ให้ออกอากาศ เข้าร่วมงานสังสรรค์กับเพื่อนมหาเศรษฐีพันล้าน ณ เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ในเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว ซึ่งตรงกับช่วงที่กลุ่มนักเขียนบทกำลังหยุดงานประท้วงที่ลอสแองเจิลลิส
เขาไม่อาจตัดโรว์ลิงทิ้งได้เช่นกัน เธอเป็นคนสุดท้ายของกลุ่มที่เหล่าพนักงานของวอร์เนอร์เรียกว่า ระดับเอพลัส (A+) ซึ่งนอกจากเธอมีอีกเพียงสองคนเท่านั้น คือ คลินท์ อีสต์วู้ดและสตีเวน สปีลเบิร์ก - แต่ตอนนี้อีสต์วู้ดก็อายุ 93 แล้ว สปีลเบิร์กก็เพิ่งสร้างภาพยนตร์สองเรื่องล่าสุดของเขากับสตูดิโออื่น ดังนั้นโรว์ลิง จึงดูเหมือนว่าจะเป็นคนสุดท้ายที่ Warner เหลืออยู่
บทความต่อไปนี้ได้มาจากการสัมภาษณ์บุคคลที่คุ้นเคยและรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่าง Warner และโรว์ลิง มีทั้งพนักงานปัจจุบันและอดีตพนักงานที่ได้เคยร่วมงานกับทีมของเจ.เค.โรว์ลิง - ส่วนตัวของโรว์ลิงเอง ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นในบทความนี้ นีล แบร์ ตัวแทนและหุ้นส่วนอันดับหนึ่งของโรว์ลิงกล่าวว่า "เรายินดีที่ได้ร่วมงานกับ Warner Bros. Discovery เราจะเดินหน้าไปด้วยกัน ด้วยความเอาใจใส่และความตั้งใจดังที่เฟรนไชนส์นี้ได้ดำเนินมากว่ายี่สิบห้าปี"
Warner Bros. คือผู้ริเริ่มพอตเตอร์มาเนียมาแต่ตั้งแรก สตูดิโอได้รับสิทธิ์ในการดัดแปลงซีรีย์นี้ หลังจากที่เดวิค เฮย์แมน โปรติวเซอร์สายตาคมกริบได้อ่านต้นฉบับที่ยังไม่ได้ตีพิมพ์ของนิยายที่เปิดตัวโรว์ลิงอย่าง แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ ศิลาอาถรรพ์ ซึ่งเตรียมเผยแพร่ในสหราชอาณาจักร เขานำนิยายนี้ไปเสนอให้กับ Warner Bros. ตั้งแต่ช่วงต้นปี 1997
โรว์ลิงไม่ได้รับค่าตอบแทนที่น่าประทับใจนักในการทำข้อตกลงครั้งนั้น ซึ่งให้สิทธิสตูดิโอในการควบคุมและดัดแปลงนิยายของเธอได้อย่างอิสระ ซึ่งสะท้อนถึงฐานะของเธอในขณะนั้นว่าเป็นนักเขียนโนเนมที่ยังไม่ได้รับการยอมรับ ก่อนที่ในอีกไม่กี่อึดใน แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ ศิลาอาถรรพ์ ซึ่งเขียนโดยแม่เลี้ยงเดี่ยว ผู้ดำรงชีพด้วยสวัสดิการรัฐ ใช้เวลาไปกับการเขียนหนังสือพร้อมกับเลี้ยงลูกน้อยที่กำลังหลับไหลอยู่ในเปลข้างๆ ณ ร้านกาแฟนิโคลสัน เมืองเอดินเบอระ ซึ่งเจ้าของร้านก็ยินดีให้เธอนั่งอยู่ได้เกือบสองชั่วโมงโดยแลกกับกาแฟแก้วหนึ่ง
เมื่อหนังสือเล่มสาม แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ นักโทษแห่งอัซคาบัน ปล่อยออกมาในปี 1999 พอตเตอร์มาเนียก็แพร่กระจายไปทั่ว หนังสือกลายเป็นนิยายติดอันดับขายดี ตามมาด้วยเหล่าเยาวชนที่เล่นเป็นตัวละครในหนังสือ สติ๊กเกอร์ คอสตูม บนถนนเต็มไปด้วยเด็กที่แต่งกายชุดพ่อมดพร้อมกับแว่นตาและแผลเป็นรูปสายฟ้าที่หน้าผาก โรว์ลิงไม่เพียงแค่เสกมนตร์ให้เด็กๆ รักการอ่าน แต่ยังทำให้กลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงานมายืนเข้าคิวต่อแถวรอซื้อหนังสืออยู่นอกร้านเป็นชั่วโมง ซึ่งมีปรากฏการณ์เดียวที่พอจะเทียบเคียงกันได้ ก็ตอนบีทเทิลมาเนียนั่นเอง
ในปีเดียวกัน โรว์ลิงได้ให้สัมภาษณ์ที่เป็นการบอกโดยนัยตั้งแต่เริ่มว่า เธอต้องการปกป้องผลงานของเธออย่างเข้มงวด เลสลีย์ สตาห์ล จากรายการ "60 minutes" ได้เผยให้ฟังว่า โรว์ลิงปัดตกข้อเสนอกว่าสิบข้อซึ่งเข้ามาขอซื้อตัวละครของเธอ ตั้งแต่ฉลากบนกล่องเนยไปจนถึงเครื่องบินโบอิ้ง - ในการสัมภาษณ์นั้น สตาห์ลได้ถามเป็นนัยถึงการที่แฮร์รี่ พอตเตอร์จะถูกนำไปทำเป็นภาพยนตร์ ทีวีซีรีย์หรือสินค้าของเล่น ของสะสม
"ฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับซีรัย์หรอก..." โรว์ลิงพูด เธอตัวสั่น ดูเลิกลั่ก เริ่มไม่สบายใจ
"พวกโมเดล แอ็กชั่น ฟิกเกอร์เหรอ?" เธอแสดงออกทันทีว่าไม่ชอบไอเดียนี้
"ฉันเป็นมนุษย์แม่และฉันเกลียดของพวกนี้" เธอพูด ก่อนจะปิดปากตัวเองราวกับไม่ได้ตั้งใจว่าจะพูดออกมาแบบนั้น "ถ้ามันออกมาดูน่ากลัวล่ะ ก็บอกพวกเด็กๆ ว่าอย่าซื้อมันละกันนะ"
แล้วเธอก็เอ่ยคำตอบมาสองคำ ซึ่งจะดังก้องสะท้อนไปยังสตูดิโอที่ลอส แองเจิลลิสอีกเป็นปีๆ
"ขอโทษด้วยนะ วอร์เนอร์ส"
สิบปีหลังจากนั้น วอร์เนอร์สก็ได้สิทธิในการดัดแปลงแฮร์รี่ พอตเตอร์ ออกมาเป็นภาพยนตร์ทั้ง 8 ภาค และมีถึง 7 ภาคที่ติดอันดับ 25 ภาพยนตร์ทำเงินสูงสุดตลอดกาลของสตูดิ โดยรวมทั้งหมดพวกเขากวาดเงินไปราวๆ 8 พันล้านเหรียญทั่วโลก จากชุดภาพยนตร์ส่วนนี้ในปี 2011 - จากนั้นโรว์ลิงก็ถอยห่างออกมาจากสตูดิโอ ก่อนที่ เควิน ซูจิฮาระ หัวหน้าฝ่ายสตูอิโอในปี 2013 ได้เล็งเห็นว่าแฟรนไชนส์นี้ยังมีช่องและหนทางให้ต่อยอดได้อีก เขาได้ท้าทายมุมมองของตนเอง โดยการจับตั๋วเครื่องบิน มุ่งตรงสู่สก็อตแลนด์ บ้านของโรว์ลิงและเริ่มต้นสร้างสายสัมพันธ์กันใหม่อีกครั้ง
ผลลัพธ์ของการพบปะเจรจานั้น คือภาพยนตร์ชุดใหม่ "สัตว์มหัศจรรย์และถิ่นที่อยู่" ซึ่งเป็นเรื่องราวส่วนขยายจากจักรวาลโลกเวทมนตร์เดิมของแฮร์รี่ พอตเตอร์ โรว์ลิง ผู้ซึ่งไม่เคยมีส่วนในการเขียนบทภาพยนตร์แฮร์รี่ พอตเตอร์ คราวนี้เธอต้องการเป็นคนเขียนบทของสัตว์มหัศจรรย์ฯ ด้วยตนเอง
ซูจิฮาระบรรลุข้อตกลงว่าทีมงานของแฟรนไชนส์ภาพยนตร์ กระบวนการผลิต สิ่งก่อสร้างและอื่นๆ รวมทั้งผู้บริหาร จะประจำการหลักอยู่ที่ลอส แองเจิลลิสและอีกคนหนึ่งอยู่ที่ลอนดอน ตามที่โรว์ลิงแนะนำ
ความร่วมมือครั้งใหม่นี้ ทำให้ผู้บริหารวอร์เนอร์สเริ่มมองหาหนทางว่าจะทำอย่างไรให้แบรนด์จักรวาลโลกเวทมนตร์นี้เป็นสินทรัพย์ที่จะอยู่ไป "ตลอดกาล" ได้อย่างไร - หลังจากกำกับภาพยนตร์หลักทั้ง 6 ภาค จอร์จ ลูคัส ก็อนุญาตให้นักเขียนหลายๆ คนเข้ามาร่วมขยายจักรวาล Star Wars ออกไปในรูปแบบของนิยายและทีวีซีรีย์ Jurassic Park และ Batman ก็ถูกนำกลับมาทำให้มีชีวิตชีวาใหม่ด้วยฝีมือของนักเขียนและผู้กำกับอีกหลายคน
แฮร์รี่ พอตเตอร์ กลับตรงกันข้าม เจ้าของผลงานยังคงยึดมั่นแน่วแน่ว่าจะไม่ยอมเสียการควบคุมใดๆ ไม่ว่าจะรายละเอียดยิบย่อยหรือเล็กน้อยแค่ไหน ครั้งหนึ่งโรว์ลิงเคยเขียนถึงผู้บริหารเพื่อถามถึงที่มาของผงโกโก้ที่ใช้ทำกบช็อกโกแลต (ขนมหวานในหนังสือซึ่งแฟนๆ สามารถหาซื้อได้ในสวนสนุก) ว่าทำไมถึงได้มาจากการค้าแรงงานที่ผิดกฏหมาย - แค่ข้อท้วงติงเพียงเล็กน้อยนี้ นำไปสู่การปรับเปลี่ยนข้อสัญญาใหม่ ที่เพิ่มอำนาจการต่อรองซึ่งก่อนหน้านี้ไม่ยุติธรรมกับโรว์ลิงมากเท่าไร ให้กลายเป็นฝั่งโรว์ลิงได้ประโยชน์มากขึ้นตามความนิยมของแฟรนไชนส์ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว พวกเขาจบดีลด้วยการลดยอดการผลิตสินค้าลง และให้ฝั่งวอร์เนอร์สได้รู้ว่ามีใครในทีมของโรว์ลิงบ้างที่จะมีส่วนในการตัดสินใจถึงทิศทางของแฟรนไชนส์โลกเวทมนตร์นี้
ฝั่งสนับสนุนโรว์ลิงกล่าวว่าการที่เธอไม่ยอมปล่อยให้วอร์เนอร์สได้อิสระมากเกินไป เป็นการช่วยรักษาผลงานของเธอเอาไว้ได้เป็นอย่างดี มันช่วยให้แฮร์รี่ พอตเตอร์รอดพ้นจากสภาวะ ความน่าเบื่อและเหนื่อยหน่ายของแฟรนไชนส์ ดังที่เกิดกับสตูดิโอหลายๆ เรื่องในฮอลลีวู้ดอย่างเช่น Marvel และ Star Wars ซึ่งเสียกลุ่มแฟนๆ ไปบางส่วนจากผลงานภาพยนตร์และทีวีซีรีย์ที่ผ่านมา
ผู้บริหารของวอร์เนอร์สต้องดีลกับแบลร์ หุ้นส่วนทางธุรกิจของโรว์ลิงและเป็นผู้ประสานงานหลัก แบลร์เคยเป็นทีมทนายความให้กับวอร์เนอร์สในช่วงแรกที่สตูดิโอเริ่มทำสัญญากับโรว์ลิง เขามีส่วนช่วยในการเขียนสัญญาระหว่างเธอกับวอร์เนอรส์ หลังการทำสัญญาสิ้นสุด โรว์ลิงจ้างเขาให้เป็นตัวแทนของเธอเพื่อดำเนินธุรกิจนอกสหราชอาณาจักร แบลร์จะเข้าไปคุยกับเธอเดือนละครั้งที่บ้าน เพื่ออัพเดทข่าวคราวว่าสตูดิโอมีแนวคิดจะพัฒนาหรือทำซีรีย์อย่างไร ซึ่งผู้บริหารของวอร์เนอรส์ไม่ค่อยชอบใจเพราะเขาไม่รู้ว่าแบลร์จะสื่อสารรายละเอียดกับโรว์ลิงได้ครบถ้วนและถูกต้องหรือเปล่า
การพบกับโรว์ลิงต่อหน้าเกิดไม่บ่อยนัก และมันถูกเรียกอย่างไม่เป็นการทางในกลุ่มพนักงานว่า การประชุมกระทรวงเวทมนตร์ บางครั้งก็จัดที่ลอนดอนหรือไม่ก็นิวยอร์ก ทีมงานของวอร์เนอร์ต้องเตรียมงานล่วงหน้ากันหลายสัปดาห์
ในการประชุม โรว์ลิงเป็นคนที่คุยง่ายและตั้งใจฟัง ผู้เข้าร่วมประชุมคนหนึ่งสังเกตว่าเธอไม่เคยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเลย แต่เมื่อเรื่องราวเริ่มดุเดือด ทั้งเรื่องสัญญาหรือข้อตกลงที่ไม่ลงรอยกัน บรรยากาศก็จะเปลี่ยนไป ตั้งแต่การโต้เถียงอย่างดุเดือด ขู่ว่าจะเพิกถอนหรือล้มเลิกสัญญาและน้ำตานองหน้า
โรว์ลิงมักจะอ้างถึงประวัติส่วนตัวกับธุรกิจที่ทำอยู่ บางครั้งเธอก็พูดถึงอดีตที่เคยเป็นผู้ถูกทารุณกรรม และบอกว่าตอนนี้พวกกลุ่มผู้ชายกำลังบอกให้เธอต้องทำอะไร เห็นแล้วมันนึกถึงอดีตสามี จอร์จ อารานธาส ที่ห้ามเธอทุกอย่างแม้กระทั่งการถือกุญแจบ้านและยังค้นกระเป๋าของเธอทุกครั้งเมื่อกลับมาถึงบ้าน (เราติดต่ออารานธาสไม่ได้ ในปี 2020 หนังสือพิมพ์แทบลอยด์ของอังกฤษ เดอะ ซัน เคยสอบถามเขาเรื่องนี้ เขาปฏิเสธว่าไม่เคยทำทารุณกรรมโรว์ลิง แต่เขายอมรับว่าตบหน้าเธอในคืนที่เธอทิ้งเขาไป และเขาก็ไม่เสียใจที่ทำแบบนั้น)
บางครั้งเธอก็พูดถึงช่วงเวลาที่เคยเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว บอกว่าตัวละครที่เรากำลังเถียงกันอยู่นี้ก็เหมือนกับลูกของเธอนั่นล่ะ
ผู้บริหารของวอร์เนอรส์ล้วนเห็นใจต่อสิ่งที่เธอเคยเผชิญมา พวกเขาไม่รู้ว่าจะรับมือหรือตอบสนองกับเธออย่างไร ซึ่งจริงๆ ถ้าตามสัญญาแล้วพวกเขาไม่จำเป็นต้องฟังเธอก็ได้ ไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือใหญ่แค่ไหนก็ตาม แต่พวกเขากลัวว่าเธอจะพูดออกมาว่า "ไม่อนุมัติ" โดยเฉพาะสินค้าใดๆ ก็ตามที่เกี่ยวกับแฮร์รี่ พอตเตอร์ ซึ่งนั่นหมายถึงพวกเขาจะเสียผู้สนับสนุนนับล้านคนไปพร้อมกันด้วยในทันที
พนักงานของวอร์เนอรส์ต่างมีเพลงเอาไว้ร้องเล่นๆ กันว่า "เราไม่ต้องการให้เธอ "60 minutes" กับเราอีก"
สตูดิโอเชื่อว่าโรว์ลิงจะเป็นแอมบาสเตอร์อันดับต้นๆ สำหรับแบรน์แฮร์รี่ พอตเตอร์ เป็นเวลากว่า 21 ปีของความสัมพันธ์นั้น จากนั้น ในปี 2019 โรว์ลิงพบว่าตนเริ่มขัดแย้งกับพนักงานของวอร์เนอรส์ ไปจนถึงแฟนๆ ผู้ติดตามเธอหลังจากที่เธอออกมาโพสต์ความเห็นในทวิตเตอร์เกี่ยวกับเรื่องเพศกำเนิดและเพศสภาพ - โรว์ลิงเริ่มจากการโพสต์สนับสนุนผู้หญิงลอนดอนคนหนึ่งซึ่งตกงานหลังจากออกมาให้ความเห็นที่ดูเป็นการลบหลู่อัตลักษณ์ทางเพศของกลุ่มคนข้ามเพศจากข้อความที่ว่า "มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่จะเปลี่ยนเพศกำเนิดของตนเอง"
ในมุมมองของโรว์ลิง ผู้หญิงเพียงแค่ยืนยันว่าเพศกำเนิดนั้นมีจริง แต่หกเดือนต่อมา โรว์ลิงกลายเป็นข่าวพาดหัวอีกครั้ง
"ผู้มีประจำเดือน" ฉันแน่ใจว่ามีคำเรียกคนพวกนั้นดีกว่านี้นะ
มีใครพอจะช่วยฉันนึกออกบ้างไหม
Wumben? Wimpund? Woomud?
โรว์ลิงผู้ซึ่งสนับสนุนนักการเมืองหัวก้าวหน้ามาอย่างยาวนาน และเป็นศัตรูคู่แค้นอันดับต้นๆ ของโดนัลด์ ทรัมป์ ตอนนี้ได้กลายเป็นศัตรูระดับโลกของกลุ่มนักเคลื่อไหวเพื่อสิทธิคนข้ามเพศ โรว์ลิงตอบรับการวิพากย์วิจารณ์ในเรื่องนี้ โดยแถลงผ่านเว็บไซต์ส่วนตัวซึ่งได้เล่าถึงประวัติส่วนตัว อันเป็นที่มาที่ไปของการออกมาพูดเรื่องนี้ (sex และ gender)
ฉันก็ปฏิเสธที่จะก้มหัวให้กับขบวนการเหล่านี้ ซึ่งฉันเชื่ออย่างมั่นใจว่ามันกำลัง "บ่อนทำลาย" ผู้หญิง ทั้งในแง่สังคมและทางชีววิทยา แต่กลับไปเสนอการคุ้มครองและส่งเสริมให้พวกนักล่าเขาถึงตัวเด็กและผู้หญิงได้ง่ายขึ้นแทน
ฉันยืนหยัดอยู่ข้างทุกคน ทั้งผู้หญิง ผู้ชาย กลุ่มรักร่วมเพศและกลุ่มคนข้ามเพศ ที่ยืนหยัดเรื่องเสรีภาพในการพูดและการคิด ไปจนถึงร่วมกันปกป้องกลุ่มคนเปราะบางในสังคม อย่างเช่น กลุ่มเยาวชนรักร่วมเพศ กลุ่มวัยรุ่นที่เปราะบางและแน่นอน กลุ่มผู้ที่หวงแหนและปรารถนาที่จะสงวนพื้นที่ปลอดภัยเอาไว้สำหรับเพศ (sex) เดียวกัน
โรว์ลิงกล่าวว่า เธอเชื่อว่าผู้หญิงข้ามเพศส่วนใหญ่ไม่ได้ก่อภัยคุกคามใดๆ แต่ ผู้ชายที่เชื่อว่าตนเองเป็นผู้หญิงโดยไม่ได้ผ่านกระบวนการข้ามเพศ ไม่ควรได้สิทธิในเข้าในห้องน้ำ ห้องแต่งตัวหรือสถานที่พักพิงที่สงวนไว้ให้กับผู้หญิงโดยกำเนิดเท่านั้น
กลุ่มผู้สนับสนุนคนข้ามเพศเรียกแถลงการณ์ฉบับนี้ของเธอว่า "ภูเขาแห่งความตอแหล" แฟนไซต์ที่อุทิศตนให้กับแฮร์รี่ พอตเตอร์มาอย่างยาวนานประกาศยุติการสนับสนุนโรว์ลิง คำขู่ฆ่าและคุกคามโรว์ลิงเริ่มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกครั้งที่โรว์ลิงออกมาทวิตในประเด็นที่เกี่ยวกับคนข้ามเพศ ทีมงานพอตเตอร์ของวอร์เนอร์สพยายามอย่างมากที่จะก้าวข้ามความผิดหวังของตนเอง บางคนเห็นด้วยกับเธอ แต่บางคนก็ไม่ ทุกครั้งที่โรว์ลิงออกมาพูดราวกับจะดึงแบรนด์พอตเตอร์ให้เข้าไปเกี่ยวกับกระแสทางการเมือง
ผู้บริหารเริ่มให้ทำการสำรวจความเห็นของแฟนๆ ทั้งโลก พวกเขาคาดการณ์ว่าความเห็นของผู้แต่งจะทำให้ยอดขายของแฮร์รี่ พอตเตอร์ลดฮวบ แต่คำตอบกลายเป็นว่า "ไม่มากนัก" พวกเขาไม่ปฏิเสธว่าความเห็นของโรว์ลิงกระทบกับความเห็นส่วนตัวของแฟนๆ แต่ละคน ซึ่งมีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย นั่นแปลว่ามันไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อแบรนด์หรือธุรกิจของแฮร์รี่ พอตเตอร์
แฟนๆ ของแฮร์รี่ พอตเตอร์ จำนวนไม่น้อยที่ประกาศว่าพวกเขาจะหยุดซื้อหนังสือหรือสินค้าใดๆ ที่จะเป็นการเพิ่มเงินเข้ากระเป๋าเจ.เค.โรว์ลิง แต่หลายๆ คน เช่น ไอเดน สแตนลีย์ อายุ 26 ปีจากแอริโซน่า ซึ่งรู้จักแฮร์รี่ พอตเตอร์มาตั้งแต่อายุ 4 ขวบ เขาอ่านหนังสือทั้ง 7 เล่มสามครั้งและตั้งใจจะดูภาพยนตร์ทั้ง 8 ภาคติดต่อกันทุกวันคริสมาตร์กับภรรยา ปลายปีที่แล้วเขาก็ยังเล่นวีดีโอเกมแฮร์รี่ พอตเตอร์อยู่เลย
เมื่อถูกถามถึงโรว์ลิง
"เธอไม่ได้สำคัญอะไร" เขากล่าวในการให้สัมภาษณ์เมื่อเดือนที่แล้ว ที่สวนสนุกโลกเวทมนตร์ในแคลิฟอร์เนียตอนใต้ (สวมผ้าคลุมกริฟฟินดอร์และถือไม้กายสิทธิ์ไปด้วย) "ผมไม่สนใจความเห็นของเธอหรอก - ผมโตมากับสิ่งนี้ ดังนั้นผมจะไม่มีวันแยกจากมัน"
มิถุนายน 2020 ความขัดแย้งได้ลุกลามไปไกล วอร์เนอร์สออกแถลงการณ์ว่า "เราตระหนักถึงความรับผิดชอบในการส่งเสริมความเห็นอกเห็นใจและสนับสนุนความเข้าใจของทุกคนและทุกชุมชน โดยเฉพาะผู้คนที่เราร่วมงานด้วย"
โรว์ลิงต้องการแรงสนับสนุนที่แข็งแกร่ง แต่ผู้บริหารรู้สึกว่าพวกเขาต้องรับมือกับความโกรธเคืองของพนักงานหรือหุ้นส่วนผู้ผลิตอื่นๆ เช่น สองพี่น้อง Wachowski หญิงข้ามเพศผู้อยู่เบื้องหลังซีรีย์ Matrix
นักแสดงหลักทั้งสามคนของภาพยนตร์แฮร์รี่ พอตเตอร์ ได้ออกมาพูดต่อต้านเธอเช่นกัน แดเนียล แรดคลิฟท์ ซึ่งเล่นเป็นตัวละครหลักมาตั้งแต่อายุ 12 จนถึง 21 ปี ออกแถลงการณ์ไล่หลังความเห็นโรว์ลิงในปีเดียวกันว่า "ผู้หญิงข้ามเพศก็คือผู้หญิง ไม่ว่าความคิดเห็นอะไรที่แตกต่างจากนี้ก็คือการลบล้างตัวตน และศักดิ์ศรีของบุคคลข้ามเพศ"
การ reunion ที่น่าอึดอัดให้เข้ามา รายการสตรีมมิ่งใหม่ของวอร์เนอร์ส์ HBO Max วางแผนเชิญนักแสดงจากแฮร์รี่ พอตเตอร์ให้กลับมาพบกันอีกครั้งในเดือนมกราคม 2022 ซึ่งมีแรดคลิฟท์และเพื่อนนักแสดงคนอื่นๆ ซึ่งจัดขึ้น ณ สถานที่ถ่ายทำฮอกวอตส์ ผู้บริหารของวอร์เนอร์สกังวลว่าจะเชิญโรว์ลิงมาเข้าร่วมรายการในรูปแบบใด นักแสดงบางคนไม่ต้องการพบเธอ และการจัดให้มีการพูดคุยระหว่างพวกเขากับเธอต่อหน้ากล้องก็ดูแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย หรือเธออาจจะปรากฏตัวในช่วงพิเศษเพียงคนเดียว
ปัญหานี้ได้รับการแก้ไข เมื่อโรว์ลิงเอ่ยปากเองว่าไม่ต้องการเข้าร่วมรายการ ทำให้ทีมงานถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ
รายการ HARRY POTTER 20TH ANNIVERSARY: RETURN TO HOGWARTS : โรว์ลิงปรากฏตัวในช่วงต้นของรายการเพียงไม่กี่นาที และเป็นคลิปที่ตัดมาจากการสัมภาษณ์ของเธอเมื่อปี 2019
ขณะที่ความสัมพันธ์ของโรว์ลิงกับเหล่านักแสดงถดถอยลง ผู้บริหารของวอร์เนอร์สยังคงสานต่อภารกิจที่พยายามผลักดันมานานหลายปีให้สำเร็จ นั่นคือ การทำแฮร์รี่ พอตเตอร์ ฉบับทีวีซีรีย์ ทีมผู้บริหารของแฟรนไชนส์พยายามเฟ้นหาไอเดียสร้างสรรค์ พวกเขาเคยเสนอแม้กระทั่งจะให้ทีมของโรว์ลิงทำ stop motion ของแฮร์รี่ พอตเตอร์
ผู้บริหารของวอร์เนอร์สเฝ้ามองการแข่งขันสตรีมมิ่งในตลาดอย่างดุเดือด แฟรนไชนส์ต้นตำหรับอย่างเช่น Star Wars และ CD Comics กลายเป็นขุมทรัพย์ล้ำค่าที่เต็มไปด้วยศักยภาพ - ราวๆ สามปีที่แล้ว ก่อนที่ซาสลาฟจะเข้ารับตำแหน่ง สตูดิโอได้ว่าจ้างนักเขียนบทซีรีย์หลายคนมาร่วมระดมสมองเพื่อหาไอเดียในการขยายจักรวาลแฮร์รี่ พอตเตอร์ เช่น เรื่องราวก่อนแฮร์รี่จะเกิดอย่างประวัติความเป็นมาของพ่อแม่แฮร์รี่ หรือ เรื่องราวของพ่อมดรุ่นเยาว์จากโรงเรียนอื่นๆ
ซึ่งแนวคิดนี้ไม่ได้ถูกนำเสนอให้กับโรว์ลิง ผู้บริหารของวอร์เนอร์สรู้ดีว่าเธอมีสิทธิสั่งระงับหรือให้ล้มโครงการได้ทันที ถ้าเธอต้องการ อำนาจการยับยั้งนี้มาจากคำขอของโรว์ลิงในช่วงต้นยุค 2000 ซึ่งเป็นการมอบอำนาจให้เธอมีสิทธิเหนือ "ภาคแยกที่เขียนโดยคนอื่นซึ่งไม่ใช่ผู้แต่ง" ซึ่งมีไว้ในกรณีหากสตูดิโอต้องการขยายจักรวาลร่วมกับนักเขียนบทคนอื่นที่ไม่ใช่โรว์ลิง
ประเด็นนี้ร่อนไปถึงผู้บริหารระดับสูงของวอร์เนอร์ส นั่นแปลว่า โรว์ลิงอาจมีสิทธินี้ตลอดชีวิต แต่สิ่งนี้อาจโน้มน้าวให้แก้ไขได้หากทีมงานของเธอเห็นชอบ นแน่นอนว่าเธอคงเตรียมคนที่จะมาสืบทอดหรือดูแลเรื่องเหล่านี้ต่อหลังจากเธอเสียชีวิตไปแล้ว นั่นแปลว่าสิทธิในการระงับนี้จะยังคงอยู่กับโรว์ลิงต่อไป
เมื่อซาสลาฟได้เก้าอี้ CEO ของ Warner Bros. Discovery ในปี 2022 เขารวบรวมทีมงานด้วยพลังแห่งความตั้งใจของตนเอง เพื่อทำให้แฮร์รี่ พอตเตอร์ ฉบับทีวีซีรีย์เป็นจริงให้ได้ เคซี่ย์ บลอยส์ ประธานผู้อำนวยการของ HBO Max ถูกดึงเข้ามาร่วมทีมด้วย - วอร์เนอรส์และ HBO มีต้นทุนเรื่องราวให้ผลิตเป็นซีรีย์มากมาย จากภาพยนตร์นับย้อนหลังไปหลายสิบปี เช่น The Sopranos , Sex and the City, Game of Thrones และ Succession ภารกิจของซาสลาฟคือการสร้าง HBO Max ให้เป็นคลื่นลูกใหม่ของการแข่งขันในตลาดสตรีมมิ่ง ในขณะเดียวกันก็ต้องใช้ต้นทุนต่ำแต่ต้องให้กำไรงามๆ ดังที่เหล่านักลงทุนชอบและต้องการ ซีรีย์พอตเตอร์อาจมีต้นทุนการผลิตที่สูงมาก แต่ขณะเดียวกันก็จะดึงผู้ติดตามหน้าใหม่ๆ เข้ามามากขึ้นด้วย
จากข้อสัญญากฏหมายที่มี ซาสลาฟสรุปได้ว่า รายการของพอตเตอร์ที่วอร์เนอรส์สามารถดำเนินการผลิตได้เลยโดยไม่ต้องขอการอนุมัติจากโรว์ลิง ก็คือเรื่องราวดั้งเดิมในแฮร์รี่ พอตเตอร์ทั้งเจ็ดเล่มเท่านั้น เพราะมันไม่ใช่ภาคแยกหรือภาคต่อที่โรว์ลิงตอกย้ำว่าเธอมีสิทธิอนุมัติเพียงผู้เดียวมาตั้งแต่หลายปีก่อนหน้านี้
เมื่อซาสลาฟได้พบกับโรว์ลิง หลายเดือนหลังจากความโกรธเคืองที่เธอมีต่อวอร์เนอรส์ เขาย้ำกับเธอว่า เขารู้ดีว่าเขามีสิทธิจะสร้างทีวีซีรีย์ได้ทันที แต่เขาต้องการให้เธอเข้ามามีส่วนร่วมอยู่ดี
"มันไม่ใช่การสร้างผลงานที่ดีหรอกถ้าสถาปนิกเขาไม่ยินดีด้วย" บลอยส์ ประธานผู้อำนวยการของ HBO Max กล่าว
การถกเถียงและพูดคุยอีกหลายเดือนเกิดขึ้นหลังจากซาสลาฟได้พบกับโรว์ลิงโดยตรง สตูดิโอบอกเธอว่าทุนในการสร้างแค่แรกเริ่มก็อาจสูงถึง 20 ล้านเหรียญต่อตอน แต่ขณะเดียวกันนี่ก็เป็นโอกาสอันดีที่จะดึงผู้ชมหน้าใหม่ๆ จากคนรุ่นใหม่เข้าสู่จักรวาลโลกเวทมนตร์ และซีรีย์นี้จะนำเสนอรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ ทั้งตัวละคร ฉากและเรื่องราวที่ถูกตัดออกไปในภาพยนตร์ทั้ง 8 ภาค และเพียงแค่ซีซั่นเดียว ต้นทุนการผลิตอาจสูงเกิน 250 ล้านเหรียญ แต่นั่นก็เหมาะกับค่านิยมของผู้บริโภคซึ่งเปลี่ยนไปจากจอเงินมาสู่จอแก้วแทน
"ความตั้งใจของ HBO Max ที่จะรักษาความเป็นต้นฉบับของหนังสือเอาไว้ คือ สิ่งที่ฉันประทับใจ" โรว์ลิงกล่าวให้สัมภาษณ์เมื่อเมษายน 2022
ตอนนี้ผู้บริหารของ Max กำลังทำงานร่วมกับทีมของโรว์ลิงอย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกัน เมื่อมีการประกาศสร้างซีรีย์ในปีที่แล้ว แฟนบางกลุ่มได้แสดงความไม่พอใจที่ภาพยนตร์เรื่องโปรดของพวกเขาจะถูกลบภาพจำด้วยฉบับซีรีย์แทน และมาพร้อมคำขู่ว่าจะบอยคอตซีรีย์นี้ โรว์ลิงตอบโต้ผ่านทวิตเตอร์ไว้เพียงว่า "มาบอกไว้ก่อนนะ พวกนักเคลื่อนไหวที่กำลังมีประเด็นกับฉันขู่จะบอยคอตซีรีย์แล้ว แค่อยากจะบอกว่า ฉันกำลังเตรียมที่เก็บแชมเปญเพิ่มอยู่"
ซีรีย์แฮร์รี่ พอตเตอร์ คาดว่าจะเปิดตัวในปี 2026 แค่นี้ก็บอกได้แล้วว่าซาสลาฟมาไกลกว่าผู้บริหารของวอร์เนอร์สคนก่อนๆ ที่พยายามทำมาหลายปี เบื้องหลังของความสำเร็จนี้คือความสัมพันธ์ ที่สตูดิโอภายใต้การนำของเขาจะต้องไม่ทำให้โรว์ลิงและทีมของเธอดูเป็นคนที่แปลกแยกเหมือนช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา และขณะเดียวกันก็ต้องทำให้โรว์ลิงมีส่วนร่วมและอำนาจในการตัดสินใจ ส่งผลให้วอร์เนอร์สดึงดูดนักลงทุนและเหล่านักเขียนกลับเข้ามาร่วมทีม ตีเป็นมูลค่ากว่าหลายพันล้านดอลลาร์
สวนสนุกโลกเวทมนตร์ในออร์แลนโด้ ฟลอริด้าและแคลิฟอร์เนียใต้ กำลังกลับมาเป็นที่นิยม หลังจากผลประกอบการตกลงไปจากช่วงโรคระบาด และวอร์เนอร์สเพิ่งบรรลุข้อตกลงในการเปิดสวนสนุกแห่งใหม่ที่เยอรมนีและอาบูดาบี - สวนสนุกนี้เป็นอีกผลงานหนึ่งจากความร่วมมือของวอร์เนอร์สและทีมของโรว์ลิง ภายใต้ขอบเขตของพันธะสัญญาเดิม แน่นอนว่าเธอดูทุกรายละเอียดอย่างรอบคอบก่อนจะตัดสินใจลงนามไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใหญ่หรือเรื่องเล็กแค่ไหนก็ตาม - ส่วนสาขาที่โตเกียว สินค้าตั้งแต่เสื้อ กางเกง ไม้กายสิทธิ์ก็ยังทำรายได้เป็นกอบเป็นกำ ดังที่ ไซมอน โรบินสัน ประธานฝ่ายปฏิบัติการของวอร์เนอร์สได้กล่าวไว้ "ถ้าคุณทำให้พวกเขารู้สึกได้ใกล้ชิดหรือเข้าถึงมากเท่าไร คุณก็จะยิ่งประสบความสำเร็จมากเท่านั้น"
ส่วนที่ทำกำไรอีกส่วนหนึ่งคือวีดีโอเกม Hogwarts Legacy ซึ่งได้อันดับเกมยอดขายดีที่สุดของปี 2023 ด้วยยอดกว่า 24 ล้านชุด สร้างรายได้มากกว่า 1 พันล้านเหรียญ รายได้ที่ถล่มทะลายนี้ทำให้ผู้บริหารอยากจะสรรหาเครื่องคิดเลขเพื่อคำนวนยอดขายแบบใหม่ทันที หลังจากพวกเขาต้องนั่งกุมขมับกันมานานจากกระแสที่ขู่จะบอยคอตเกมตั้งแต่แรกเริ่ม
และเป็นเวลานานหลายปี ที่โรว์ลิงปฏิเสธจะให้สิทธิในการทำเกมบนโทรศัพท์ เธอกังวลว่าตัวละครของเธอจะถูกนำไปหาประโยชน์กับเด็กและทำให้พวกเขาแอบเอาเงินของพ่อแม่มาใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต แต่สุดท้าย Magic Awakened ก็ถูกพัฒนาและปล่อยสู่ตลาด ซึ่งเป็นเกมให้ผู้เล่นสวมบทเป็นนักเรียนฮอกวอตส์
แผนกเกมของวอร์เนอร์สดูเหมือนจะทำงานได้ง่ายเพราะมีความยืดหยุ่นกว่าทีวีซีรีย์และภาพยนตร์
อย่าง Hogwarts Legacy มันไม่ได้นำเสนอเรื่องราวที่เกี่ยวกับแฮร์รี่ พอตเตอร์ ไทม์ไลน์ในเกมถูกเช็ทไว้ที่ปี 1800 มีการเอ่ยถึงตัวละครบางตัวที่ผู้เล่นซึ่งเป็นแฟนหนังสืออาจรู้จัก แต่มันก็เป็นเรื่องราวใหม่ที่อนุญาตให้ผู้พัฒนาเกมได้ออกแบบเรื่องราวในเนื้อเรื่องเอง - วีดีโอเกมที่เกี่ยวกับควิดดิชจะเป็นโปรเจคต่อไป หลังจากทีมวิศวกรเอาชนะอุปสรรคของการสร้างเกมได้ พวกเขาต้องแก้โจทย์ให้ผู้เล่นสามารถเล่นเกมนี้ได้พร้อมกันเจ็ดคน (ตามจำนวนนักกีฬาควิดดิชของแต่ละทีม)
แน่นอนว่าทั้งหมดนี้คงไม่เกิดขึ้น.. ถ้าโรว์ลิง ไม่อนุญาต
เรียบเรียงบทความโดยโดย Shootty แอดมินเพจพอตเตอร์ไดอารี่
หากนำบทความออกไปโปรดอ้างอิงเว็บไซต์และผู้เรียบเรียง
ติดตามกันได้ที่เพจ https://www.facebook.com/potterdiarythaifa