"การเขียนประวัติศาสตร์ใหม่เริ่มต้นแล้วสินะ"
คนที่อยู่ตรงข้ามกับอุดมการณ์เรื่องเพศสภาพ ไม่ได้แค่ต้อง "อดทนกับการวิพากย์วิจารณ์แบบไร้ความปราณี" หรอกนะ ฉันไม่ได้แค่ถูกกล่าวหาว่า "ทรยศต่อลัทธิสตรีนิยมที่แท้จริง" หรือได้รับคลิปเผาหนังสือเพียงไม่กี่อัน
ฉันถูกขู่ฆ่า ข่มขืนและใช้ความรุนแรงจำนวนหลายพันครั้ง หญิงข้ามเพศคนหนึ่งโพสต์ที่อยู่ของครอบครัวฉันพร้อมกับคู่มือการทำระเบิด ลูกสาวคนโตของฉันตกเป็นเป้าของอินฟลู trans activist คนหนึ่งที่พยายามจะล้วงข้อมูลส่วนตัวของเธอ ก่อนจะลงเอยด้วยการเปิดเผยข้อมูลของผู้หญิงคนหนึ่งแทน
ฉันสามารถเขียงเรียงความถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับฉันและครอบครัวได้ราวๆ สองหมื่นคำเลยด้วยซ้ำ
แต่สิ่งที่พวกเราต้องทนทุกข์อยู่นี้ก็เทียบไม่ได้เลยกับอันตรายที่เกิดขึ้นกับคนอื่น
การลุกขึ้นมาต่อต้านการเคลื่อนไหวที่ใช้การความรุนแรงนี้ ไม่ใช่แค่การที่พวกเราทุกคนถูกใส่ร้าย ป้ายสีและล่าแม่มด บางคนต้องเสียหน้าที่การงาน บางคนถูกทำร้ายร่างกายโดยพวก trans activists - นักการเมืองผู้หญิงถูกบังคับให้จ้างบอดี้การ์ดส่วนตัวตามคำแนะนำของตำรวจ พญ.ฮิลลานี แคส endocrinologist ชื่อดังถูกแนะนำไม่ให้ใช้ขนส่งสาธารณะในการเดินทางเพื่อความปลอดภัยของตนเอง ทุกคนควรละอายใจที่ปล่อยให้ความบ้าคลั่งมันลุกลามบานปลายมาได้ขนาดนี้
ไม่เพียงแค่นั้น ทุกคนที่ออกมาตั้งคำถามถูกหมายหัวว่ากำลังก่ออาชญากรรม แค่เพราะเรากำลังสงสัยถึงข้อมูลและหลักฐานเกี่ยวกับการแปลงเพศในเด็ก การกีฬาที่เราตั้งคำถามว่าความปลอดภัยของผู้หญิงและเด็กผู้หญิงอยู่ที่ไหน ความต้องการที่จะสงวนพื้นที่สำหรับเพศเดียวกันสำหรับกลุ่มคนที่เปราะบางที่สุด และคิดว่าความรู้สึกของนักโทษหญิงจะเป็นอย่างไรเมื่อตอนนี้พวกเธอกำลังถูกขังรวมกับนักโทษชายที่ถูกตัดสินจากคดีล่วงละเมิดทางเพศ
ตอนนี้ภูมิทัศน์ทางการเมืองกำลังเปลี่ยนไปแล้ว พวกคนที่เคยใช้ช่องทางของตัวเองสนับสนุนอุดมการณ์เหล่านี้กำลังแกล้งทำเป็นตื่นขึ้นมาเหมือนอาการเมาค้าง เริ่มตั้งข้อสงสัยเช่น การเรียกเฟมินิสต์(แบบฉัน)ที่เคยขอให้ศูนย์พักพิงผู้ถูกข่มขืนเป็นพื้นที่เฉพาะผู้หญิงเท่านั้นว่านาซี เป็นกลยุทธ์หนึ่งในการเคลื่อนไหวหรือเปล่านะ?
พ่อแม่ของเด็กผู้หญิงที่ออกมาแย้งว่าเด็กผู้ชายไม่ควรมาฉวยโอกาสทางกีฬากับลูกสาวของพวกเขา - ก็น่าจะมีเหตุผลนะ? หรือ การปล่อยให้ผู้ชายที่ระบุตัวเองว่าเป็นผู้หญิงเข้าไปในห้องแต่งตัวของเด็กผู้หญิงอายุ 12 ปี - มันอาจจะมีข้อเสียก็ได้นะ?
การเสแสร้งทำเป็นทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมาในช่วงสิบปี เป็นเรื่องที่คาดเดาไว้อยู่แล้วแต่มันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นหรอกนะ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคนที่เคยเพิกเฉยต่อสิ่งที่เกิดขึ้นกับกลุ่มคนที่ออกมาตั้งคำถามแล้วหันมาปรบมือสนับสนุนพวกเขาแทนในตอนนี้ พวกเขาแค่ต้องการจะลดแรงกระแทกจากสิ่งที่พวกเขาเคยทำลงไปในทำนองว่า "บางทีพวก trans activists ก็อาจทำเกินเลยไปบ้าง"
การตกผลึกทางความคิดถึงผลกระทบของอุดมการณ์เพศสภาพที่มีต่อบุคคล สังคมและการเมืองเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นและเส้นทางยังอีกยาวไกล แต่ที่ฉันรู้คือ ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปผลลัพธ์สุดท้ายยังคงแย่มากเมื่อถึงตอนนั้น และสิ่งที่พวกเขาได้ทิ้งเอาไว้มีมากเกินกว่าจะเอาไปซุกไว้ใต้พรม"
เรียบเรียงบทความโดยโดย Shootty แอดมินเพจพอตเตอร์ไดอารี่
หากนำบทความออกไปโปรดอ้างอิงเว็บไซต์และผู้เรียบเรียง
ติดตามกันได้ที่เพจ https://www.facebook.com/potterdiarythaifan