บทความเนื่องในโอกาสที่ เจ.เค.โรว์ลิง อายุครบ 60 ปี เรียบเรียงข้อมูลทั้งหมดโดย พอตเตอร์ไดอารี่
หากนำเนื้อหาออกไปเผยแพร่ที่อื่น โปรดแจ้งมาที่เพจก่อนได้รับอนุญาต
เจ.เค.โรว์ลิง (J.K. Rowling) ชื่อจริงของเธอ คือ โจแอนน์ โรว์ลิง (Joanne Rowling) เกิดเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ค.ศ. 1965 ณ มณฑล กลอสเตอร์เชอร์ (Gloucestershire) ครอบครัวของเธอเป็นบ้านชนชั้นกลาง ปีเตอร์ โรว์ลิง (Peter Rowling) พ่อของโจเป็นวิศวกรโรงงานโรลส์-รอยซ์ (Rolls-Royce) แม่ของเธอ แอนน์ โรว์ลิง (Anne Rowling) เป็นเจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการในโรงเรียนมัธยมไวย์ดีน (Wyedean)
มณฑลกลอสเตอร์เชอร์อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอังกฤษ ห่างจากลอนดอนราวๆ หนึ่งร้อยไมล์ เป็นเขตชายแดนติดกับรัฐเวลส์ ช่วงทศวรรษที่ 60s สหราชอาณาจักรเริ่มกระจายความเจริญออกจากเมืองหลวงอย่างลอนดอนไปสู่เขตภูมิภาคต่างๆ กลอสเตอร์เชอร์เป็นหนึ่งในเมืองที่ถูกปักหมุดลงไปในแผนพัฒนาประเทศ
รัฐบาลอังกฤษในช่วงนั้นอยู่ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี ฮาร์โรลด์ วิลสัน (Harold Wilson) จากพรรคแรงงาน เขาผลักดันนโยบายที่เน้นวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและอุตสาหกรรมหนัก วิลสันเชื่อว่าการฟื้นฟูประเทศหลังสงครามจะเกิดขึ้นได้ด้วย "การปฏิวัติทางเทคโนโลยี" เขาจึงอัดฉีดงบประมาณเข้าไปให้กับกลุ่มนายทุนเจ้าของกิจการเครื่องจักร ซึ่งโรลส์-รอยซ์ที่ปีเตอร์ โรว์ลิงทำงานอยู่ ได้รับอานิสงค์จากนโยบายนี้ด้วย
โรลส์-รอยซ์เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนจักรกลให้กับอากาศยาน (เครื่องบินรบ) พวกเขามีบทบาทสำคัญในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองและสงครามเย็น อังกฤษเป็นประเทศแนวหน้าการรบมาตลอด ช่วงสงครามอุตสาหกรรมอากาศยานของอังกฤษพัฒนาแบบก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว หลังสงครามจบโรลส์-รอยซ์จ้างกลุ่มทหารผ่านศึกและวิศวกรการบินเพื่อให้พวกเขายังมีงานทำ ประกอบกับนโยบายการปฏิวัติทางเทคโนโลยีของวิลสัน โรลส์-รอยซ์จึงต้องการขยายฐานการผลิตออกไปยังหัวเมืองต่างๆ ซึ่งกลอสเตอร์เชอร์เป็นหนึ่งในหมุดหมายนั้น
กลอสเตอร์เชอร์เดิมเคยเป็นหมู่บ้านเกษตรกรรมและเหมืองยุคเก่า ในช่วงยุค 60s กำลังจะกลายเป็น “หัวเมืองแหล่งใหม่” ความเจริญที่กำลังผ่านเข้าไปทำให้เมืองที่เคยเงียบสงบเริ่มครึกครื้นและคราคร่ำไปด้วยผู้คน ที่ดินถูกจับจอง บ้านจัดสรรเริ่มโผล่ขึ้นมาเต็มพื้นที่ ผู้คนจากลอนดอนเริ่มหลั่งไหลเข้าสู่กลอสเตอร์เชอร์ เมืองชนบทกลายเป็นเมืองที่เริ่มพัฒนา
ปีเตอร์และแอนน์เป็นชาวลอนดอนแต่กำเนิด ปีที่พวกเขาแต่งงานกัน โรลส์-รอยซ์ได้เข้าซื้อกิจการเครื่องยนต์ของบริษัทบริสโตล์และเตรียมย้ายฐานการผลิตไปที่ฟิลตัน เมืองที่อยู่ติดกับกลอสเตอร์เชอร์ พ่อแม่ของโจจึงออกจากลอนดอนและย้ายถิ่นฐานมายังกลอสเตอร์เชอร์ พวกเขาซื้อบ้านในเขตเยท (Yate) เด็กหญิงโจแอนน์เติบโตขึ้นมาท่ามกลางโรงงานอากาศยานขนาดยักษ์ที่ตั้งอยู่ข้างๆ บ้าน ภาพของแรงงานกรรมกรและวิศกร เคล้าไปกับกลิ่นไอของเครื่องจักรคือภาพที่เธอเห็นมาตั้งแต่เด็ก นั่นอาจทำให้เธอซึมซับแนวคิด “เครื่องจักรใหญ่โตกับชีวิตคนตัวเล็กๆ” เข้าไปโดยไม่รู้ตัว และนี่อาจเป็นจุดกำเนิดของ รถไฟไอน้ำสายด่วยฮอกวอตส์ ลิฟต์ในกระทรวงเวทมนตร์หรือรถโบกี้ของกริงกอตส์
ความเจริญที่รุกคืบเข้าไปในกลอสเตอร์เชอร์ ครอบครัวโรว์ลิงคือหนึ่งในหลายๆ ครอบครัวของคนเมืองที่ตัดสินใจย้ายถิ่นฐานมาสู่ชนบท ก่อให้เกิดความแตกต่างระหว่างชาวกลอสเตอร์เชอร์ดั้งเดิมกับกลุ่มคนเมืองกรุงขึ้นในหลายๆ ประเด็น เช่น ชนชั้นกลางถ้าอยู่ในลอนดอนคุณอาจมีเงินสำหรับได้เช่าห้องเล็กๆ ในอพาร์ทเม้นท์หรือคอนโด แต่ถ้าเป็นที่กลอสเตอร์เชอร์ คุณอาจจะซื้อบ้านได้หลังหนึ่ง การเปรียบเทียบ ดูถูก เหยียดหยามระหว่างชนชั้น อาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้โจสร้างแนวคิด “เลือดบริสุทธิ์ที่ดูแคลนกลุ่มมักเกิ้ลบอร์น” เพราะบรรยากาศในบ้านของโจแอนน์ตอนเด็กๆ จึงมีความรู้สึกของการเป็นคนแปลกถิ่นผสมอยู่ด้วย
ปีเตอร์ โรว์ลิง พ่อของโจ (ไม่ทราบปีเกิดแต่คาดว่าน่าจะเกิดในช่วงปลาย 40s) ก่อนเป็นวิศวกรที่โรลส์-รอยซ์เขาเคยรับราชการทหารเรือในช่วงต้นทศวรรษ 60s ตอนนั้นเขาอายุได้ 18 ปี และพบกับแอนน์ขณะกำลังเดินทางไปที่นั่นด้วยรถไฟจากคิงส์ครอส แอนน์เป็นสมาชิกหน่วยบริการสตรีราชนาวีอังกฤษ (Women’s Royal Naval Service : WREN) หลังจากนั้นไม่นาน ปีเตอร์ออกจากราชการทหารและเริ่มงานกับโรลส์-รอยซ์ในตำแหน่งช่างฝึกหัด ก่อนจะเลื่อนขั้นเป็นวิศวกร
เจ.เค.โรว์ลิงเคยเล่าประวัติของพ่อกับแม่ไว้คร่าวๆ ว่า
"พวกเขาพบกันครั้งแรกที่คิงส์ครอส ขณะกำลังเดินทางด้วยรถไฟไปสก็อตแลนด์ ระหว่างทางเขาให้เธอยืมเสื้อกันหนาวหนึ่งตัว หลังจากนั้น 1 ปีพวกเขาก็แต่งงานกันตอนอายุ 19 - ปีเตอร์ลาออกจากกองทัพเรือและพาแอนน์ย้ายไปที่กลอสเตอร์เชอร์ เธอให้กำเนิดโจแอนน์เมื่อตอนอายุ 20 ปี"
“เขาอยากได้ลูกชายมากกว่า”
ถ้าคุณเคยฟังหรืออ่านบทสัมภาษณ์ของ เจ.เค.โรว์ลิง เมื่อถูกถามถึงครอบครัวหรือชีวิตในวัยเด็ก เธอจะย้ำอยู่เสมอว่า “ความสัมพันธ์กับพ่อไม่ดีมาตั้งแต่เด็ก” ปีเตอร์เคยหลุดปากออกมาว่า “เขาอยากได้ลูกชายมากกว่า” และคำพูดนี้มันกลายเป็นแผลที่ฝังอยู่ในใจของเด็กหญิงโจแอนน์มาตั้งแต่บัดนั้น - นั่นอาจเป็นเหตุผลหลักที่ในแฮร์รี่ พอตเตอร์ มีตัวละครพ่อที่ดีอยู่น้อยมาก
แนวคิดลูกชายย่อมดีกว่าหรือลูกชายต้องมาก่อน ยังคงปรากฏอยู่ในสังคมเอเชียปัจจุบัน โดยเฉพาะแถบเอเชียตะวันออกหรือแม้แต่ในประเทศไทย ปีเตอร์ โรว์ลิง ชายที่เกิดในช่วงทศวรรษ 40s-50s ตรงกับยุคสงครามโลกครั้งที่สอง เขาเคยเป็นทหารเรือ เขาทำงานโรงงานเครื่องจักร เส้นทางชีวิตของเขาเติบโตมาท่ามกลางโลกชายเป็นใหญ่ ในมุมของปีเตอร์เขาคงมองว่า “ถ้ามีลูกชายคงคุยและเข้าใจกันง่ายกว่า” หรืออีกนัยเขาจะได้มีคนมาสืบทอดหรือเป็นทายาททางอาชีพของเขาได้
หลังจากมีโจแอนน์เป็นลูกสาวคนแรก ปีเตอร์มีลูกสาวอีกคนหนึ่ง - ไดแอนน์ น้องสาวซึ่งเกิดหลังจากโจราวๆ 2 ปี - ตามบรรทัดฐานของชายยุคนั้นแปลว่า “ภารกิจได้ลูกชาย” ของปีเตอร์ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง
“แม่เป็นเซฟโซนเดียวของฉัน”
แอนน์ โรว์ลิง (นามสกุลเดิม โวล็อง (volant)) เธอเป็นชาวอังกฤษเชื้อสายฝรั่งเศส เจ.เค.โรว์ลิง มักจะเอ่ยถึงแม่อยู่เสมอในการสัมภาษณ์ ถ้าจะบอกว่าแฮร์รี่ พอตเตอร์เขียนขึ้นเพื่ออุทิศให้กับความตายของแอนน์ก็ไม่น่าจะเป็นคำกล่าวที่เกินจริง มันสะท้อนถึงความรักและความคิดถึงที่โจแอนน์มีให้กับเธอ
แอนน์ คือหัวใจของการหล่อเลี้ยงตัวตนของโจมาตั้งแต่เด็ก ไม่ใช่เพราะเธอสอนเทคนิคการเขียนให้ลูกสาว แต่เธอให้บางสิ่งที่ลึกซึ้งกว่า บรรยากาศ อิสรภาพและการยอมรับว่าจินตนาการคือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นได้ในบ้านหลังนี้ - บ้านโรว์ลิงฐานะปานกลาง แต่เต็มไปด้วยหนังสือเก่า หนังสือมือสอง นิตยสารและนิทานที่แอนน์ชอบอ่านให้ลูกๆ ฟัง เธอคือคนแรกที่อ่านนิทานให้โจแอนน์ฟังก่อนนอนเสมอ — โดยเฉพาะนิทานแฟนตาซีและตำนานปรัมปรา เธอพาลูกไปห้องสมุดบ่อยครั้ง และสนับสนุนให้ลูกมีสมุดวาดเขียนเป็นของตัวเองตั้งแต่ยังไม่ถึงวัยเรียน
“แม่คือคนที่เปิดโลกให้ฉันเข้าสู่จินตนาการ
เป็นคนแรกที่พาฉันเดินเข้าโลกแฟนตาซีที่ฉันไม่เคยอยากออกมาเลย”
J.K. Rowling ให้สัมภาษณ์กับ The Guardian, 2001
แอนน์ไม่เคยขัดขวางเวลาโจกำลังนั่งขีดเขียนอยู่เงียบๆ คนเดียว หลายครอบครัวพอเห็นลูกนั่งวาดเขียนอยู่เงียบๆ ก็จะชวนไปทำกิจกรรมที่พวกเขาคิดว่ามีสาระและประโยชน์กับลูก แต่ไม่ใช่กับแอนน์ เธอปล่อยให้โจนั่งเขียนนิทานของตัวเองครั้งแรกตอนอายุ 6 ขวบ - แรบบิท (Rabbit) เรื่องราวเกี่ยวกับกระต่ายที่เป็นโรค
“ฉันไม่ได้เขียนจริงๆ หรอก ฉันแค่นั่งวาดรูปตามหนังสือเท่านั้น
แต่นั่นคือครั้งแรกที่ฉันรู้สึกสนุกมากและไม่อยากออกไปทำอย่างอื่นเลย”
J.K. Rowling ให้สัมภาษณ์ใน On Writing, 2024
เมื่อโจบอกว่าอยากเป็นนักเขียน แม่ตอบทันทีว่า “ลงมือทำเลย” เธอไม่หัวเราะหรือห้ามปรามลูกสาว แอนน์เป็นเหมือนกระจกสะท้อนความเป็นผู้หญิงธรรมดาแต่ทรงพลัง เธอไม่ได้เป็นผู้หญิงแกร่งแบบในภาพยนตร์ฮอลลีวูด เธอเป็นพนักงานห้องปฏิบัติการเคมี เธอมีความรู้ มีความอดทนสูงอย่างเหลือเชื่อ เหมือนกับ ลิลี่ พอตเตอร์ หญิงสาวที่แสนธรรมดาแต่เชื่อมั่นในความรักและความเสียสละอย่างแรงกล้าและเป็นตัวละครหญิงที่ เจ.เค.โรว์ลิงรักมากที่สุด
แอนน์ได้เพาะเมล็ดพันธุ์แห่งความเป็นสตรีนิยมลงไปในตัวของโจโดยไม่รู้ตัว แม้เธอจะไม่ได้มานั่งอ่านหนังสือของนักเคลื่อนไหวหรือนักกิจกรรมเฟมินิสต์ให้โจฟัง แต่เธอได้ปลูกฝังภาพจำของเฟมินิสต์ในเบื้องต้นให้โจผ่านการกระทำ หญิงแกร่งที่ยิ้มสู้ตลอดเวลา ตั้งใจทำงานและเลี้ยงลูกให้เชื่อในจินตนาการ นั่นเป็นการสอนโจอ้อมๆ ว่า ผู้หญิงอย่างเรามีสิทธิ์ตัดสินใจโดยไม่ต้องถามความเห็นจากผู้ชายก่อนและจงมั่นใจในเสียงของตัวเอง
ช่วงยุค 60s ผู้หญิงยังคงถูกกดทับทางสังคมอยู่ในหลายๆ เรื่อง แม้ช่วงเวลานั้นผู้หญิงหลายคนเริ่มออกจากบ้านเพื่อไปทำงานช่วยสามีหาเงินมาเลี้ยงจุนเจือครอบครัวแล้วก็ตาม แต่ผู้หญิงยังได้ค่าจ้างน้อยกว่าผู้ชายอยู่มาก ยังไม่นับด้วยว่าสายงานหลายๆ อย่างก็กีดกัน ไม่ยอมรับผู้หญิงเข้าทำงาน
บ้านของ เจ.เค.โรว์ลิง ณ หมู่บ้านทุชชิล (Tutshill) เมืองเชปสโตว์ (Chepstow)
บ้านหลังแรกของครอบครัวโรว์ลิงอยู่ในเขตเยท พวกเขาอาศัยอยู่ที่นั่นจนกระทั่งโจอายุได้ 4 ปีจึงย้ายไปที่วินเทอร์บอร์น (Winterbourne) ณ ที่แห่งนั้น โจมีเพื่อนบ้านนามสกุลพอตเตอร์ ครอบครัวย้ายบ้านอีกครั้ง คราวนี้พวกเขาย้ายไปอีกฝั่งในเขตเวลส์ หมู่บ้านทุชชิล (Tutshill) เมืองเชปสโตว์ (Chepstow) เขตรอยต่อระหว่างอังกฤษกับเวลส์ โจอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้จนกระทั่งอายุ 18 ปี บ้านนี้มีรั้วติดกับโบสถ์เซนต์ลุคค์ (St Luke’s Church) ดังนั้น บรรยากาศรอบๆ บ้านได้ซึมซับเข้าไปอยู่ในแก่นของโลกเวทมนตร์ที่โจจะสร้างขึ้นมาในภายหลัง เด็กหญิงโจแอนน์ชอบเดินเข้าไปในสุสานของโบสถ์นี้เพื่ออ่านชื่อบนป้ายหลุมศพและชื่อเหล่านั้นเธอนำมาใช้เป็นแรงบันดาลใจสำหรับชื่อตัวละครในแฮร์รี่ พอตเตอร์ หลายตัว หนึ่งในนั้นมีชื่อที่เธอจำได้ขึ้นใจ คือ โทมัส ริดเดิ้ล (Thomas Riddle) บรรยากาศอันเงียบและดูมีมนตร์ขลังของหมู่บ้านนี้ กลายเป็นแม่พิมพ์ของบรรยากาศในจักรวาลโลกเวทมนตร์ที่เธอสร้างขึ้นมาหลายๆ แห่ง
เมืองเชปสโตว์ยังเป็นที่ตั้งของป่าดีน (forest of dean) - ป่าที่เป็นฉากสำคัญในแฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต โจกับไดแอนน์ (น้องสาว) ชอบเข้าไปเดินเล่นในป่าดีนเป็นประจำในช่วงวัยรุ่น ป่าดีน คือ ป่าจริงๆ ไม่ใช่ป่าที่เกิดจากการปลูกแนวต้นไม้ริมหมู่บ้านและเป็นป่าเก่าที่เต็มไปด้วยตำนานของเหมือง หมู่บ้าน คนป่า และสัตว์ประหลาดในนิยายพื้นบ้าน
ป่าดีนยังเป็นแรงบันดาลใจของป่าต้องห้ามในฮอกวอตส์อีกด้วย มันลึกลับ มีมนตร์ขลัง อันตราย แต่ก็ซ่อนความจริงบางอย่างไว้เสมอ
ช่วงวัยเด็กของ เจ.เค.โรว์ลิง เริ่มต้นจากกลิ่นอายของโรงงานและเครื่องจักรในกลอสเตอร์เชอร์ ก่อนจะจบลงที่เชปสโตว์ ทั้งสองเมืองคือแหล่งบ่มเพาะจินตนาการโลกเวทมนตร์ของเด็กหญิงโจแอนน์ บ้านที่อยู่ติดโบสถ์และสุสาน เป็นเชื้อเพลิงต่อความหลงไหลในเรื่องความตาย เวทมนตร์ ประวัติศาสตร์ ภาพเมืองกับธรรมชาติที่สวยงาม รวมทั้งกลิ่นของเครื่องจักร ผสมผสานกลายเป็นโลกเวทมนตร์ในแบบฉบับของเธอเอง ไม่ใช่ดินแดนอันห่างไกลหรือต่างโลก แต่เป็นโลกอีกใบที่ซ่อนอยู่กับพวกเราในทุกๆ วัน
..To be continue..