เมื่อตอนที่ฉันกำลังเขียนแฮร์รี่ พอตเตอร์ใกล้จบ ฉันเคยบอกปฏิเสธไปว่า “จะไม่เขียนอีกแล้ว” และฉันยืนกรานมาตลอดว่า “เรื่องราวของแฮร์รี่นั้นจบลงแล้ว” และ.. ฉันต้องยอมรับว่าฉันถูกเพียงแค่ครึ่งเดียวเพราะต่อมาเราก็มาสร้างภาค “เด็กต้องสาป” แม้ว่ามันจะไม่ใช่เรื่องราวของแฮร์รี่จริงๆ แต่เราก็ได้เห็นชีวิตของแฮร์รี่ในช่วงหลังจากจบสงคราม
แต่เมื่อฉันลองคิดย้อนกลับไป เรื่องราวส่วนนี้ (อาชญากรรมของกรินเดลวัลด์) มันคือเรื่องราวที่พวกคุณไม่เคยรู้และมันอยู่ในความคิดของฉันมาตลอดหลายสิบปี และฉันก็เห็นโอกาสเมื่อวอร์เนอร์ บราเธอร์สเสนอให้ทำภาพยนตร์เรื่องสัตว์มหัศจรรย์และถิ่นที่อยู่ ฉันจึงเห็นช่องทางที่จะเชื่อมโยงไปหาสิ่งที่ฉันเก็บไว้และไม่เคยบอกให้ใครรู้มาตลอดกว่าสิบปี ดังนั้นเฟรนไชนส์ภาพยนตร์ชุดนี้คือสิ่งที่เหมาะสมที่สุดในการเล่าเรื่องราวเหล่านั้น
มีอะไรที่สนุกๆ ให้ทำมากพอๆ กับการที่ฉันต้องเจอกับความท้าทายครั้งใหญ่ เพราะภาคนี้ต่างจากหนังภาคแรกซึ่งมีการเล่าเรื่องอย่างค่อนข้างตรงไปตรงมา แม้ว่าจะมีหลายอย่างถูกวางไว้แล้ว แต่ภาคนี้เป็นภาคที่เรื่องราวซับซ้อนมาก ดังนั้นฉันจึงรู้สึกท้าทายและตื่นเต้นอย่างมากที่ได้เขียนเรื่องราวเหล่านี้ออกมา
ฉันได้เรียนรู้ว่าต้องหาวิธีการที่จะให้ตัวละครแสดงบทบาทซึ่งแต่ละตัวมีบทบาทที่แตกต่างกันไป แต่ต้องแสดงให้สอดคล้องกันออกมาให้ได้ เพื่อที่ผู้ชมจะได้เข้าใจถึงสิ่งที่ตัวละครต้องการสื่อออกมา และอะไรคือแกนหลักของเรื่อง และทำไมตัวละครต้องแสดงแบบนั้น ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือฉากการปราศัยของกรินเดลวัลด์
"เธอ(โจ)ผลักดันตัวเองอยู่ตลอดเวลา เธอเอาตัวเองเข้าไปในแก่นของเรื่อง เธอไม่เคยยึดติดกับรูปแบบเดิมๆ ที่คนเขียนบทภาพยนตร์ทั่วไปมักจะทำ"
"มันแตกต่างจากตอนที่เขียนนิยายอย่างสิ้นเชิง แต่กระนั้นก็ยังมีความน่าอัศจรรย์ในกระบวนการทำงานร่วมกันครั้งนี้ และฉันพบว่ามันน่าพึงพอใจมากๆ ตอนเขียนนิยายคุณต้องจัดการความคิดทุกอย่างด้วยตัวเอง"
"กระบวนการจะเริ่มขึ้นหลังจากที่เธอ (โจ) ส่งร่างสคริปต์มาให้กับผมและทีมผู้สร้าง จากนั้นพวกเราก็จะมานั่งคุยกัน เริ่มแยกแยะองค์ประกอบเหล่านั้นและมันมักจะมีไอเดียใหม่ๆ เกิดขึ้นมาระหว่างขั้นตอนตรงนั้นอยู่เสมอ"
จะมีสักคนหนึ่งเข้ามาเปลี่ยนแปลงรายละเอียดอยู่ตลอดเวลา ซึ่งวิธีแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นกับนิยายจนกว่าคุณจะเขียนมันเสร็จ แล้วบรรณาธิการค่อยเข้ามาเปลี่ยนมันในภายหลัง และฉันจะบอกว่ามีหลายครั้งมากในตอนที่กำลังจะถึงจุดสำคัญ พวกเขาจะบอกว่า “ลองแบบนี้ดีไหม” และฉันคิดว่า “ไม่ล่ะ มันไม่เวิร์ค” แต่หลังจากพอลองคิดดูและก็ได้คำตอบว่า “ใช่แล้ว มันเวิร์คและฉลาดมากๆ ทำไมฉันถึงคิดมันไม่ออกตั้งแต่แรกนะ” และก็มีอีกหลายครั้งที่ทำให้ฉันพบว่ามีไอเดียอีกมากมายที่มันดีหรือน่าสนุกกว่าที่ฉันคิดไว้ในตอนแรก นั่นล่ะคือวิธีการทำงานของพวกเรา
ฉันเป็นนักวางแผนที่ยอดเยี่ยม ไม่มีเคล็ดลับอะไรเลย เพราะฉันวางแผนงานไว้อย่างละเอียดมาก ซึ่งนั่นก็เป็นสาเหตุว่าทำไมฉันถึงมีข้อมูลของเรื่องราวย้อนหลังนี้เก็บไว้พร้อมอยู่แล้ว บางส่วนฉันจดลงบนกระดาษ บางส่วนก็ยังอยู่ในความคิดของฉัน แต่กระนั้นก็ยังมีอีกหลายส่วนที่ฉันพร้อมจะคิดหรือจะเปลี่ยนใหม่ หากฉันตัดสินใจได้ว่า “มันน่าจะดีกว่าถ้าเป็นแบบนั้น” และรวมไปถึงการนำตัวละครใหม่ๆ ปรากฏขึ้นมาด้วย และมันทำให้น่าตื่นเต้นอยู่เสมอ มันอาจเปลี่ยนบางอย่างไปจนคุณคาดไม่ถึง และฉันก็คิดว่าแฟนๆ น่าจะตื่นเต้นที่ได้เห็นพ่อมดในประเทศต่างๆ ทั่วโลก เพราะฉันวางเรื่องให้ไปที่ไหนบนโลกก็ได้แล้วในตอนนี้ และมันน่าสนุกมาก
ฉันสนุกทุกครั้งที่ได้เขียนเรื่องราวให้ย้อนกลับไปที่ฮอกวอตส์ เพราะฉันรักฮอกวอตส์ มันคือสถานที่สำหรับการเริ่มต้นเรื่องราวได้ไม่รู้จบสิ้น ฉันสามารถเอาตัวละครใหม่ๆ เข้าออกสถานที่นั้นได้อย่างอิสระ และมันก็น่าตื่นเต้นที่ฮอกวอตส์ต้องเผชิญกับพ่อมดและแม่มดในวัยผู้ใหญ่ ฉันว่ามันน่าสนใจที่ได้เห็นเหล่าผู้วิเศษใช้ชีวิตกันอย่างไรภายใต้สภาวะที่ต้องปกปิดตัวเองหลังจบจากโรงเรียน ซึ่งเป็นสถานที่ที่พวกเขาสามารถใช้เวทมนตร์กันได้อย่างอิสระ
คุณต้องเผชิญกับความจริงที่ว่าคุณต้องใช้ชีวิตอยู่ภายใต้กฎหมายปกปิดความลับ แต่เมื่อตอนอยู่โรงเรียนคุณสามารถปลดปล่อยตัวตนของคุณได้อย่างเต็มที่ คุณสามารถเสกไฟได้โดยไม่ต้องรับโทษแถมยังได้คำชมด้วยเพราะนั่นมันคือโรงเรียน และจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อคุณจบจากโรงเรียนไป มันจะส่งผลกับคุณมากแค่ไหนที่คุณต้องซ่อนความสามารถที่มีอยู่ไว้แทบจะตลอดเวลา
นั่นคือเรื่องราวอีกจุดหนึ่งที่ฉันคิดไว้ตั้งแต่แรก และฉันเลือกให้ภาพยนตร์ชุดสัตว์มหัศจรรย์นี้เป็นตัวบอกเล่าเรื่องราวที่ฉันซ่อนเอาไว้ในแฮร์รี่ พอตเตอร์ซึ่งมันนำไปสู่การขึ้นสู่อำนาจของกรินเดลวัลด์ พ่อมดผู้ซึ่งรู้สึกว่าถูกคุกคามอย่างลึกซึ้งจากการปกปิดความลับของกลุ่มผู้วิเศษทั้งโลก และคนที่อยู่ตรงข้ามกับเขา ดัมเบิลดอร์ซึ่งแน่นอนว่าเป็นตัวละครสำคัญในแฮร์รี่ พอตเตอร์
David Heyman : โลกของโจเต็มไปด้วยข้อมูลมากมาย เมื่อตอนเขียนแฮร์รี่ เธอทราบอยู่แล้วถึงจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งระหว่างดัมเบิลดอร์และกรินเดลวัลด์ และพวกเราก็ทราบดีถึงจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา รวมทั้งต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมดว่ามันเริ่มต้นจากตรงไหน
ผมคิดว่ากรินเดลวัลด์เป็นตัวร้ายที่น่าสนใจกว่าโวลเดอมอร์ ผมชอบโวลเดอมอร์นะแต่โวลเดอมอร์นั้นคือปีศาจของแท้ และกรินเดลวัลด์, สำหรับผมนะ, น่ากลัวอย่างแท้จริง เพราะเขาโน้มน้าวใจคนเก่ง เขาพูดได้ดูน่าเชื่อถือโดยการยกเหตุผลที่ฟังแล้วดูมีน้ำหนัก
คุณจะเข้าใจเองว่าทำไมถึงมีหลายคนที่คล้อยตามเขา ผู้คนติดตามเขาไม่ใช่เพราะความกลัว หลายคนติดตามกรินเดลวัลด์เพราะเชื่อในสิ่งที่เขาพูด
JK : การเป็นดัมเบิลดอร์ในวัยหนุ่มไม่ใช่เรื่องง่าย เขาถูกหมายหัวจากกระทรวง เพราะกระทรวงทราบถึงอดีตอันดำมืดของเขาซึ่งเกิดจากการที่เขาเคยคล้อยตามไปกับแนวคิดของกรินเดลวัลด์ ซึ่งฉันได้เคยบอกไว้แล้วในแฮร์รี่ พอตเตอร์และฉันสนใจมันมากเพราะความสัมพันธ์ระหว่างดัมเบิลดอร์และกรินเดลวัลด์ในตอนนั้น เป็นคีย์สำคัญที่ทำให้ดัมเบิลดอร์เป็นดัมเบิลดอร์ในทุกวันนี้
Jude Law : ตอนนั้นพวกเขายังเป็นเด็กหนุ่มทั้งคู่ และพวกเขามีความคิดที่อยากทำให้โลกน่าอยู่มากขึ้น แต่โดยสามัญสำนึกแล้วดัมเบิลดอร์ก็รู้ดีว่าความคิดของกรินเดลวัลด์นั้นไม่ถูกต้อง พวกเขาคิดต่างกัน
JK : ความสัมพันธ์ของพวกเขานั้นลึกซึ้งมากอย่างไม่น่าเชื่อ มันคือความหลงไหลและมันคือความรัก แต่ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์แบบใด รักร่วมเพศ รักเพศตรงข้ามหรืออะไรก็ตามที่คุณอยากจะนิยามให้ ฝ่ายหนึ่งจะไม่มีทางรู้อย่างแน่ชัดว่าอีกฝ่ายรู้สึกอย่างไร คุณไม่มีทางรู้ แม้คุณจะเชื่อว่าคุณรู้ ดังนั้นฉันจึงไม่ค่อยสนใจในประเด็นเรื่องเพศแม้จะปฏิเสธไม่ได้ว่าความสัมพันธ์ของสองคนนี้มีประเด็นเรื่องเพศเข้ามาเกี่ยวข้อง ฉันสนใจแค่เรื่องความรู้สึกที่ทั้งสองคนมีต่อกันมากกว่า ซึ่งที่สุดแล้วมันคือสิ่งที่สวยงามที่สุดในความสัมพันธ์ของมนุษย์
Johnny Dept : ผมคิดว่าพวกเขามีความเคารพซึ่งกันและกันในแง่ความเป็นตัวตนของอีกฝ่าย และผมแน่ใจ โดยเฉพาะกับกรินเดลวัลด์ มันคือความหึงหวง อาจเป็นความขมขื่นจากการที่ต้องรักและเคารพคนอย่างดัมเบิลดอร์
David Yates : มีหลายฉากในภาพยนตร์ที่ผมคิดว่าอยากลองทำและสื่อออกมาให้เห็นว่าดัมเบิลดอร์ยังคงรักกรินเดลวัลด์อยู่ มันไม่ใช่แค่ความเสียใจแต่มันยังคงมีความรักเหลืออยู่ระหว่างชายสองคนนี้
Jude Law : ผมสัมผัสได้ถึงความเดียวดายในตัวเขา เป็นความแปลกแยกและโดดเดี่ยวที่น่ากลัว จึงทำให้เขาปลีกตัวเองออกไปจากสังคมและขังตัวเองอยู่ที่ฮอกวอตส์เท่านั้น
David Heyman : ในตอนจบของภาพยนตร์ เราได้พบความจริงว่าเครเดนซ์คือน้องชายของดัมเบิลดอร์ ซึ่งคุณจะเห็นว่ามันสำคัญขนาดไหนทั้งกับดัมเบิลดอร์และกรินเดลวัลด์
JK : นั่นคือหัวใจที่เป็นจุดสำคัญของเรื่องราวระหว่างดัมเบิลดอร์และกรินเดลวัลด์
David Yates : นี่คือรูปแบบความสัมพันธ์ที่จับใจ ลึกซึ้งและจริงจัง และมันเกิดควบคู่ไปกับการผจญภัย เวทมนตร์ สัตว์วิเศษและอื่นๆ อีกมากมาย มันคือเรื่องราวของชายสองคนที่ตกหลุมรักกันและท้ายสุดจะต้องมาต่อสู้กัน นี่คือเรื่องราวแห่งศตวรรษที่ 21 อย่างแท้จริง