หนึ่งนาทีก่อนเดินออกสู่สนามของการแข่งรอบรองชนะเลิศนัดที่สองของเวิลด์ปีนี้ บอริส วัลชานอฟ บีตเตอร์ของบัลแกเรียบอกกับดิฉันว่า ‘พวกเราถูกมองเป็นไก่รองบ่อนมาตลอดการแข่งขันนี้ พวกเราไม่มีอะไรจะต้องเสีย แต่ก็มีทุกอย่างพอที่จะชนะ พวกเราจะปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปข้างนอกนั่น’
ไม่มีข้อสงสัยใดๆ เลยเพราะพวกเขาเป็นเช่นนั้นจริงๆ ถ้าจะมีอะไรสักอย่างที่ทำให้ญี่ปุ่นกลายเป็นทีมที่เล่นได้ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดการแข่งขันนี้และส่งให้สองบีตเตอร์มือฉมัง ชินโกะและฮงโกะดังเป็นพลุแตกในโลกเวทมนตร์ มันก็ต้องเป็นเรื่องที่พวกเขาสามารถผ่านเข้ามาถึงรอบรองชนะเลิศในวันนี้ ซึ่งจะเป็นที่จดจำไปอีกนาน รวมทั้งการทำคะแนนที่จัดได้ว่าเป็นหนึ่งในการทำคะแนนที่สูงที่สุดในช่วงหลายเวิลด์คัพหลายปีมานี้ และนี่คือเกมควิดดิชที่เร้าใจอย่างที่สุด
เป็นไปตามที่คาดการณ์กันไว้ ชินโกะและฮงโกะครองเกมในช่วงแรก การเล่นต้องหยุดไปสองรอบเพื่อให้ทีมผู้บำบัดเข้ามาช่วยดูแลทีมบัลแกเรียซึ่งมีผู้เล่นหกคนด้วยกันที่เลือดไหลอาบศีรษะลงมาภายในหนึ่งชั่วโมงนับจากลูกควัฟเฟิลถูกปล่อยออกไป
จากนั้นเราก็ได้เห็นการแสดงถึงน้ำใจนักกีฬาของผู้เล่นถึงสามราย ซึ่งใครที่ได้เห็นเหตุการณ์แล้วลืมไม่ลงแน่ๆ ในขณะที่ลูกบลัดเจอร์ยังคงบินว่อนราวกับลูกกระสุน วัลชานอฟเอาตัวเขาเข้าขวางโดยคิดอย่างรอบคอบแล้วเพื่อปกป้องเพื่อนร่วมทีมและซีกเกอร์ ครัมซึ่งกำลังไล่ล่าสนิชอย่างดุเดือด วัลชานอฟสลบและตกจากไม้กวาดของเขา และซีกเกอร์ญี่ปุ่น โนริโกะ ซาโตะ เข้ามารับและช่วยชีวิตเขาไว้ เมื่อเห็นว่าซาโตะไม่อยู่ในสภาพที่จะไล่ตามจับสนิชได้ ครัมจึงเชิดไม้กวาดของเขาขึ้น และเลือกที่จะไม่ฉวยเอาผลประโยชน์ชั่วขณะดังกล่าว ครัม ซาโตะ และวัลชานอฟ (เมื่อฟื้นคืนสติอีกครั้ง) ได้รับการยืนปรบมือสรรเสริญจากผู้ชมทั้งหมดเมื่อเกมเริ่มแข่งอีกครั้ง
ในขณะที่แนวป้องกันของญี่ปุ่นเป็นที่ชื่นชมกันไปทั่วจากทุกมุมโลกควิดดิช การเล่นของพวกเชสเซอร์ ริวอิจิ ยามากุจิ, คิมิโกะ คุโรซาว่าและโยชิ วากาฮิสะก็ไม่ควรถูกมองข้ามเช่นกัน เพราะในชั่วโมงที่แปดของเกม ทีมญี่ปุ่นทำคะแนนนำไปถึงสองร้อยห้าสิบแต้ม ทั้งๆ ที่คะแนนตามหลังอยู่มาก ทีมบัลแกเรียก็ยังรับเอาทุกอย่างที่ชินโกะและฮงโกะส่งมาให้ การเล่นของบัลแกเรียดูไม่ได้เข้าท่านัก แต่ความกล้าบ้าบิ่นของพวกเขานั้นเต็มร้อยอย่างไม่ต้องสงสัย ลูกสนิชปรากฎออกมาเป็นรอบที่สอง ครัมบินไล่แข่งกับซาโตะโดยคอยบินกันท่าเธอและไม่ยอมจับลูกสนิช ถือได้ว่าเป็นการกระทำที่วัดใจต่อทีมของเขา และเป็นข้อเปรียบเทียบแตกต่างอันเฉียบคม เมื่อเทียบกับการจับสนิชครั้งร้ายกาจของเขาในการแข่งรอบนัดชิงชนะเลิศเมื่อปี 94 ซึ่งเขาจับสนิชเพื่อจบเกมล้างอายให้กับทีมของเขาและหักหน้าทีมไอร์แลนด์
จุดเปลี่ยนที่แท้จริงของการแข่งขันมาถึง เมื่อทีมบัลแกเรียที่แรงเริ่มแผ่วช้าลง แต่ท้ายที่สุดก็ทำคะแนนตีเสมอได้ด้วยความมุ่งมั่นอย่างเต็มเปี่ยมและการเล่นแนวป้องกันที่พัฒนาขึ้น จากนั้นในชั่วโมงที่สิบ การพลิกผันที่ไม่ธรรมดาก็เกิดขึ้น ครัมบินหลอกล่ออย่างจงใจให้ซาโตะหลงเชื่อว่าเขากำลังหลีกหนีแนวสายตาของฮงโกะได้อย่างยอดเยี่ยม และก่อนที่ฝูงชนหรือผู้เล่นร่วมทีมคนอื่น ๆ ของเขาจะทันรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น ครัมก็จับสนิชมาได้แล้ว สร้างความประหลาดใจแก่ฝูงชนไปทั่วจนเงียบกันไปกว่าสิบวินาทีทั่วสนามแข่ง ก่อนที่เหล่ากองเชียร์ทีมบัลแกเรียจะกล้าพอส่งเสียงเชียร์ออกมา งานเฉลิมฉลองของพวกเขาดำเนินต่อไปขณะที่ดิฉันเขียนข่าวอยู่นี้ และก็คงมีแต่คนที่ใจร้ายสุด ๆ เท่านั้นที่จะไม่เห็นอกเห็นใจทีมญี่ปุ่น ซึ่งในตอนนี้จะต้องไปพบกับทีมสหรัฐอเมริกาในรอบชิงอันดับสาม
แปลไทยและเรียบเรียงโดย Shootty แอดมินเพจพอตเตอร์ไดอารี่
หากนำบทความออกไปโปรดอ้างอิงเว็บไซต์และผู้เรียบเรียง
ติดตามกันได้ที่เพจ https://www.facebook.com/potterdiarythaifan