เซเลสทิน่า วาร์เบ็ก

Translated from

“Celestina Warbeck”

Writing from J.K. Rowling

เสียงร้องที่ได้รับความนิยมในระดับนานาชาติ เซเลสทิน่า วาร์เบ็ก แห่งเวลส์ (บางครั้งรู้จักกันในฐานะ แม่มดนักร้อง) พ่อของเธอเป็นพนักงานตำแหน่งเล็กๆ ในกองมักเกิ้ลสัมพันธ์ได้พบกับแม่ของเธอ (นักแสดงตกอับ) ซึ่งกำลังถูกโจมตีจากตัวเลธิโฟลด์ที่ปลอมเป็นม่านบนเวที

เสียงอันทรงพลังของเซเลสทิน่าปรากฏออกมาให้เห็นตั้งแต่อายุยังน้อย เป็นที่น่าผิดหวังที่ว่าไม่มีสถาบันหรือโรงเรียนของพ่อมดแห่งใดที่เปิดสอนการแสดงเลย นายวาร์เบ็กไม่ค่อยเต็มใจยอมให้ลูกสาวได้เข้าเรียนที่ฮอกวอตส์เท่าใดนัก แต่ในเวลาต่อมาเขากดดันโรงเรียนอย่างหนักด้วยจดหมายแนะนำให้ตั้งชมรมประสานเสียง ชมรมการแสดงและชั้นเรียนสอนเต้นรำ เพื่อให้ลูกสาวของเขาได้โชว์ความสามารถอย่างเต็มที่

ภาพที่คุ้นตาอย่างการร้องประสานเสียงโดยมีกลุ่มผีแบนชีเป็นคอรัส ทำให้คอนเสิร์ตของเซเลสทิน่าได้รับความนิยมอย่างสูงสุด แฟนเพลงสามคนที่คลั่งไคล้เธออย่างรุนแรงถึงกับกระโดดขึ้นไม้กวาดเก่าๆ สกปรกจำนวนสามอันและบินอยู่เหนือเมืองลิเวอร์พูล เพื่อที่จะพยายามเข้าชมคอนเสิร์ต ไฟลท์ที้อะโฟร์ไดซ์  ที่จัดเป็นคืนสุดท้าย และตั๋วการแสดงของเธอมักถูกขายทอดกันในตลาดมืดในราคาที่สูงเกินจริงมาก (เป็นเหตุผลหนึ่งที่ มอลลี่ วีสลีย์ ไม่เคยเจอนักร้องคนโปรดของเธอตัวเป็นๆ เลยสักครั้ง)

เซเลสทิน่าใช้ชื่อเสียงและความสามารถของเธอให้กับงานการกุศลบ้างในบางครั้ง เช่นการระดมทุนให้กับโรงพยาบาลเซนต์มังโกเพื่อผู้ป่วยและบาดเจ็บโดยการบันทึกเสียงให้กับทีมควิดดิชพัดเดิลเมียร์ ยูไนเต็ดด้วยเพลง “ตีบลัดเจอร์ไปให้ไกลสิหนุ่มๆ แล้วโยนสุ่มลูกควัฟเฟิลมาทางนี้” ยิ่งไปกว่านั้น เซเลสทิน่าเคยเป็นกระบอกเสียงในเรื่องที่เธอไม่เห็นด้วย เมื่อกระทรวงเวทมนต์พยายามที่จำกัดการฉลองเทศกาลฮัลโลวีนของชุมชนผู้วิเศษ

เพลงของเซเลสทิน่าที่ได้รู้จักกันทั่วไป คือ “เสน่ห์หาพาใจฉันหนี” และ “หม้อใหญ่เปี่ยมด้วยรักอันร้อนแรง” แฟนเพลงอันเหนียวแน่นของเธอส่วนใหญ่จะเป็นคนรุ่นใหญ่ที่หลงไหลสไตล์การยืนร้องเพลงกับเสียงอันทรงพลังของเธอ อัลบั้มล่าสุดในช่วงศตวรรษที่ยี่สิบของเธอ “เธอขโมยหม้อใหญ่ของฉันแต่จะไม่มีได้หัวใจของฉัน” ยังคงได้รับความนิยมไปทั่วโลก

ชีวิตส่วนตัวของเซเลสทิน่าเป็นที่ต้องการอย่างมากของคอลลัมภ์ซุบซิบในเดลี่พรอเฟ็ต ชีวิตแต่งงานครั้งแรกกับแดนเซอร์ในทีมจบลงภายในหนึ่งปี หลังจากนั้นเซเลสทิน่าแต่งงานกับผู้จัดการของเธอคนที่เธอมีลูกชายด้วยหนึ่งคน ก่อนที่เธอจะทิ้งเขาในอีกสิบปีต่อมาเพื่อคบหาดูใจกับนักแต่งเพลงอริฟวิง วาร์เบล