วันเกิด : 28 เมษายน
ไม้กายสิทธิ์ : ไม้ซีดาร์ แกนเอ็นหัวใจมังกร ยาวสิบเศษหนึ่งส่วนสี่นิ้ว ค่อนข้างยืดหยุ่น
บ้านที่ฮอกวอตส์ : สลิธีริน
ความสามารถพิเศษ : ชำนาญด้านการสกัดใจ นักปรุงยาชั้นเยี่ยม การแปลงร่างตนเองขั้นสูง
เชื้อสาย : พ่อเป็นพ่อมด แม่เป็นแม่มด (ชื่อตระกูลถูกรวมว่าเป็นหนึ่งใน ‘ความศักดิ์สิทธิ์ทั้งยี่สิบแปด’)
ครอบครัว : ไม่เคยแต่งงาน ไม่มีลูก (แต่ตระกูลซลักฮอร์นก็ยังคงสืบเชื้อสายต่อไปผ่านทางสายที่ใกล้เคียง)
งานอดิเรก : สโมสรซลัก ติดต่อกับนักเรียนเก่าที่โปรดปราน พร้อมกับไวน์และขนมชั้นดี
ฮอเรซ ยูจีน แฟลกคัส ซลักฮอร์น เกิดในตระกูลพ่อมดเก่าแก่ เป็นลูกชายหัวโทนเพียงคนเดียวของสองสามีภรรยาผู้ร่ำรวยและมั่งคั่ง แม้ว่าโดยพื้นฐานแล้วเขาเป็นเด็กที่ร่าเริง แต่เขาก็เรียนรู้และเชื่อมาตั้งแต่เด็กถึงผลประโยชน์ของการมี ‘เส้นสาย’ (พ่อของเขาเป็นเจ้าหน้าที่กระทรวงระดับสูงในกองความร่วมมือด้านเวทมนตร์ระหว่างประเทศ) และกลายเป็นสิ่งที่ปลูกฝังให้เขาผูกมิตรกับ ‘คนถูกประเภท’ ในตอนเรียนที่ฮอกวอตส์ ตระกูลซลักฮอร์นเคยถูกนับว่าเป็นหนึ่งใน ‘ความศักดิ์สิทธิ์ทั้งยี่สิบแปด’ (รายชื่อตระกูลที่ถูกจัดประเภทว่าเป็น ‘เลือดบริสุทธิ์’ โดยนักเขียนนิรนามในช่วงปี 1930) แม้ว่าพ่อแม่ของซลักฮอร์นจะไม่เคยแสดงออกอย่างเด่นชัดว่าเชื่อในความบริสุทธิ์ของสายเลือด แต่พวกเขาก็ปลูกฝังอย่างเงียบๆ ว่าตระกูลของพวกเขามีความสูงส่งมาตั้งแต่กำเนิด
ฮอเรซถูกคัดสรรเข้าสู่บ้านสลิธีรินทันทีเมื่อมาถึงฮอกวอตส์ เขาพิสูจน์ตัวเองว่าเป็นนักเรียนที่โดดเด่น ไม่เพียงแค่เขาจะเมินเฉยต่อคำแนะนำของพ่อแม่ที่แทรกมากับข้อความในจดหมาย (ส่วนใหญ่เกี่ยวกับเหล่าเพื่อนมักเกิ้ลบอร์นที่มีความสามารถของเขา) เขายังทำให้ตนเองดูเป็นอภิชนนิยม ฮอเรซถูกดึงดูดเข้าไปหากลุ่มคนที่มีความสามารถหรือมีภูมิหลังที่โดดเด่นด้านใดด้านหนึ่ง เขาปลาบปลื้มไปกับความรุ่งโรจน์ที่สะท้อนออกมาและตาเป็นประกายเมื่อกล่าวถึงเรื่องราวใดก็ตามที่เกี่ยวกับคนที่มีชื่อเสียง แม้ว่าจะยังเป็นเด็กชาย เขาก็ชอบคุยโวว่ารู้จักบุคคลที่มีชื่อเสียงหลายๆ คนอย่างค่อนข้างเกินจริง และมักจะชอบเรียกชื่อรัฐมนตรีกระทรวงเวทมนตร์ด้วยชื่อจริงอยู่บ่อยๆ เขามีความสุขกับการโอ้อวดว่าครอบครัวของเขานั้นมีความสนิทสนมกับท่านรัฐมนตรีเกินกว่าความเป็นจริง
แม้ว่าเขาจะมีความสามารถที่โดดเด่นมากมาย ความสนใจของเขาที่มีต่อบุคคลที่มีชื่อเสียงและความคาดหวังของพ่อแม่ที่อยากให้เขาทำงานที่กระทรวง แต่ฮอเรซ ซลักฮอร์นกลับไม่เคยที่จะสนใจเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางการเมืองเลย เขาสนุกกับชีวิตที่แสนสุขสบายและมีความสุขไปกับการมีกลุ่มเพื่อนที่ประสบความสำเร็จ ได้ตำแหน่งงานในระดับสูง แต่ตัวเขากลับไม่มีความต้องการที่จะไปถึงจุดนั้นเหมือนกับเพื่อนแต่อย่างใด บางทีเขาอาจรู้อยู่ในใจลึกๆ อยู่แล้วว่าเขานั้นไม่ใช่คนประเภทที่จะกลายเป็นรัฐมนตรีผู้ยิ่งใหญ่ เขารู้ตัวดีว่าตนเองนั้นไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าชีวิตที่ง่ายๆ และสะดวกสบาย เมื่อคราวที่ได้รับข้อเสนอให้รับตำแหน่งอาจารย์วิชาปรุงยาที่ฮอกวอตส์ ฮอเรซตอบรับด้วยความยินดี เขาเปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ด้านการสอนและมีความหลงใหลอย่างลึกซึ้งในโรงเรียนเก่าของเขาเอง
ต่อมาเขาก็ได้รับการสนับสนุนให้เป็นหัวหน้าบ้านสลิธีริน ซลักฮอร์นยังคงเป็นชายที่อารมณ์ดีและทำตัวง่ายๆ แต่เขาก็มีข้อเสียในแง่ของความทะนงตัว วางภูมิและลำเอียงเมื่อพบเจอกับอะไรที่ดูดีหรือน่าสนใจ แต่เขาก็ไม่ใช่คนโหดร้ายหรืออาฆาตแค้นแต่อย่างใด เรื่องเลวร้ายที่สุดที่เขาสมควรจะถูกกล่าวหาในช่วงอาชีพครูของเขาคือ เขาทำให้ช่องว่างระหว่างนักเรียนที่เขาโปรดปรานและดูมีอนาคต กับนักเรียนที่เขามองเห็นว่าไม่น่าจะมีอนาคตที่ดีเท่าไรกว้างมากขึ้น ‘สโมสรซลัก’ – การทานอาหารเย็นนอกเวลาและการพบปะสังสรรค์ของกลุ่มนักเรียนคนโปรด – ยิ่งทำให้กลุ่มนักเรียนที่ไม่เคยถูกเชิญรู้สึกแย่มากขึ้นไปอีก
แต่ซลักฮอร์นก็มีสายตาอันยอดเยี่ยมในการมองเห็นถึงความสามารถที่แฝงอยู่ในตัวนักเรียน ตลอดช่วงเวลาห้าสิบปีที่เขาสอน สมาชิกของสโมสรซลักที่เขาเลือกสรรเองกับมือ ล้วนมีอาชีพการงานที่น่าจับตามองในโลกเวทมนตร์ ทั้งสายงานควิดดิช การเมือง ธุรกิจและวารสารสิ่งพิมพ์
โชคร้ายมาถึงซลักฮอร์น เมื่อหนึ่งในนักเรียนที่เขาโปรดปรานมากที่สุด เด็กชายรูปงามและมีความสามารถอันโดดเด่นที่ชื่อว่า ทอม มาร์โวโล ริดเดิ้ล ผู้ซึ่งมีความทะเยอทะยานที่ไปไกลกว่าการได้ทำงานในกระทรวงหรือการเป็นเจ้าของเดลี่พรอเฟ็ต เสน่ห์และการโน้มน้าวใจที่เขามี ทำให้ริดเดิ้ลรู้ดีว่าต้องประจบและหว่านล้อมอย่างไรเพื่อให้อาจารย์วิชาปรุงยาและครูประจำบ้านของเขามอบข้อมูลต้องห้าม นั่นคือ วิธีการสร้างฮอร์ครักซ์ และด้วยความไม่รอบคอบ ซลักฮอร์นจึงได้มอบความรู้ของเขาซึ่งเป็นส่วนเพิ่มเติมให้กับข้อมูลที่ริดเดิ้ลต้องการ
แม้ว่าจะไม่ได้บอกไว้ในหนังสือ แต่เราก็อาจพออนุมานได้ – จากเรื่องที่ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์บอกแก่แฮร์รี่ พอตเตอร์ ถึงความไม่ไว้ใจส่วนตัวของเขาที่มีต่อกับทอม ริดเดิ้ลในช่วงปีสุดท้ายที่โรงเรียน – ดัมเบิลดอร์อาจเตือนซลักฮอร์น เพื่อนร่วมงานของเขาให้ระวังตัวว่าอาจถูกริดเดิ้ลหลอกใช้ แต่ซลักฮอร์นยังคงเชื่อในทักษะการมองคนของตนเอง (ซึ่งเขาใช้มันเป็นข้อแก้ตัวอยู่หลายครั้ง) เขาไม่เชื่อและคิดว่าดัมเบิลดอร์นั้นวิตกกังวลจนเกินเหตุ ซึ่งอาจเป็นเพราะอาจารย์วิชาแปลงร่างรู้สึกไม่ชอบทอมโดยไม่ทราบสาเหตุตั้งแต่คราวที่ไปรับทอมมาจากโรงเลี้ยงเด็กกำพร้าที่เขาเติบโตขึ้นมา
ซลักฮอร์นยังคงถูกริดเดิ้ลหลอกใช้จวบจนกระทั่งเขาเรียนจบจากโรงเรียน และเป็นช่วงที่ซลักฮอร์นต้องผิดหวังเมื่อเขาพบว่านักเรียนคนโปรดไม่เพียงแต่จะปฏิเสธงานอันยอดเยี่ยมทุกอย่างที่เขาเสนอให้ เขายังหายตัวไปและไม่แม้แต่จะติดต่อกับอาจารย์คนที่เขาเคยสนิทสนมด้วย ผ่านไปหลายเดือน ซลักฮอร์นจึงค่อยๆ ยอมรับกับตนเองว่า ความสนิทสนมที่ทอม ริดเดิ้ลมีให้กับเขานั้นทั้งหมดเป็นการแกล้งทำ ความละอายใจของซลักฮอร์นที่เคยแบ่งปันเศษเสี้ยวความรู้ของเวทมนตร์ที่อันตรายให้กับเด็กชายไปจึงเริ่มรุนแรงขึ้น แต่เขาก็เก็บมันไว้ในใจอย่างแน่วแน่กว่าครั้งใดและตั้งใจจะไม่ให้ใครได้รับรู้
ไม่กี่ปีหลังจากที่ริดเดิ้ลจบจากโรงเรียน พ่อมดศาสตร์มืดอันทรงพลังที่เรียกตนเองว่าลอร์ด โวลเดอมอร์ ก็เริ่มเคลื่อนไหวในโลกเวทมนตร์ ซลักฮอร์นจำไม่ได้ในตอนแรกว่านั่นคือลูกศิษย์เก่าของเขา เขาไม่เคยได้ยินชื่อที่กลุ่มเพื่อนของริดเดิ้ลใช้เรียกเขาเมื่อตอนอยู่ที่ฮอกวอตส์ และโวลเดอมอร์เองก็เปลี่ยนรูปลักษณ์ไปมากนับจากครั้งสุดท้ายที่พวกเขาเจอกัน เมื่อซลักฮอร์นค้นพบในที่สุดว่าพ่อมดที่สร้างความหวาดผวาอยู่ตอนนี้คือทอม ริดเดิ้ล เขารู้สึกหวาดกลัวมาก และในคืนที่โวลเดอมอร์กลับมาที่ฮอกวอตส์เพื่อขอตำแหน่งงานสอน ซลักฮอร์นซ่อนตัวอยู่ในห้องทำงาน กลัวว่าผู้มาเยือนอาจมาเยี่ยมและรื้อฟื้นความสนิทสนมระหว่างกัน โวลเดอมอร์ไม่ได้มีปัญหาอะไรหากจะต้องพบกับอดีตอาจารย์วิชาปรุงยาของเขาในตอนนั้น แต่ความสบายใจของซลักฮอร์นก็อยู่ได้อีกไม่นานนัก
ลอร์ด โวลเดอมอร์ไม่มีความตั้งใจที่จะยึดฮอกวอตส์ในช่วงการขึ้นสู่อำนาจครั้งแรกข ซลักฮอร์นเชื่อ (ซึ่งถูกต้อง) ว่าเขาจะปลอดภัยที่สุดหากยังทำงานอยู่ที่นี่มากกว่าจะออกไปเสี่ยงอันตรายกับโลกภายนอกซึ่งตอนนี้โวลเดอมอร์กำลังเรืองอำนาจอยู่ เมื่อโวลเดอมอร์พบกับจุดจบหลังจากการโจมตีทารกน้อยแฮร์รี่ พอตเตอร์ ซลักฮอร์นปิติยินดีมากกว่าใครในโลกผู้วิเศษ เพราะถ้าหากโวลเดอมอร์ถูกกำจัด ซลักฮอร์นจะหาเหตุผลให้กับตนเองว่าโวลเดอมอร์ไม่ได้สร้างฮอร์ครักซ์ แปลว่าเขาไม่ได้มีความผิดแต่อย่างใด มันเป็นความโล่งใจอย่างที่สุดของซลักฮอร์น คำพูดที่เขาเผลอพูดออกมาด้วยความดีใจหลังจากที่ได้ทราบข่าวการพ่ายแพ้ของโวลเดอมอร์กลับทำให้ดัมเบิลดอร์เริ่มสงสัยเป็นครั้งแรกถึงความเป็นไปได้ที่ซลักฮอร์นจะแบ่งปันความลับของศาสตร์มืดให้กับทอม ริดเดิ้ล ดัมเบิลดอร์พยายามที่จะตั้งคำถามอย่างนุ่มนวลกับเขา แต่ซลักฮอร์นก็ปิดปากเงียบ ไม่กี่วันต่อมา ซลักฮอร์น (ซึ่งตอนนี้สอนที่โรงเรียนมานานกว่าครึ่งศตวรรษ) ก็ยื่นใบลาออก
ฮอร์เรซตั้งใจที่จะมีความสุขกับชีวิตที่สดใสหลังเกษียณ อิสระจากงานสอน ความละอายใจและความหวาดกลัวที่หลอกหลอนเขามานานหลายปี เขากลับไปอยู่บ้านที่สะดวกสบายของพ่อแม่ (ซึ่งตอนนี้ทั้งคู่เสียชีวิตแล้ว) ที่ซึ่งเขามีความสุขกับการพักผ่อนและกลายเป็นที่อยู่ถาวรของเขา
เป็นเวลาสิบกว่าปีที่ซลักฮอร์นใช้ชีวิตอย่างเพลิดเพลินกับห้องเก็บสุราใต้ดินและห้องสมุดส่วนตัว ไปเยี่ยมสมาชิกเก่าของสโมสรซลักเป็นครั้งคราวตามโอกาสต่างๆ และจัดงานคืนสู่เหย้าให้กับศิษย์เก่าที่บ้านของตน แต่อย่างไรก็ตามเขายังคงคิดถึงงานสอนและมักจะรู้สึกเศร้าใจเมื่อนึกถึงใบหน้าของเด็กที่มีแววอันรุ่งโรจน์ ซึ่งตอนนี้จะจบออกไปจากฮอกวอตส์โดยไม่ได้ผ่านมือเขาเลยสักคน
ในช่วงสิบปีหลังจากที่ซลักฮอร์นเกษียณ มีคำร่ำลือมาถึงเขาผ่านทางเครือข่ายที่กว้างขวางของเขา ว่าลอร์ด โวลเดอมอร์ยังคงมีชีวิตอยู่ แม้จะอยู่ในสภาวะที่ไม่มีร่างก็ตาม ข่าวนี้เป็นเพียงข่าวเดียวจากข่าวทั้งหมดในโลกที่ทำให้ซลักฮอร์นรู้สึกหวาดกลัวมากที่สุด เพราะมันเป็นการสนับสนุนความกลัวที่ลึกที่สุดของเขานั้นเป็นจริง หากโวลเดอมอร์ยังคงมีชีวิตอยู่ในรูปแบบของเศษเสี้ยววิญญาณ นั่นหมายถึงว่าเขาสามารถสร้างฮอร์ครักซ์ได้สำเร็จในช่วงวัยเยาว์และอาจมีแค่หนึ่งอันหรือมากกว่า ตอนนี้ชีวิตหลังเกษียณของซลักฮอร์นเริ่มจะเต็มไปด้วยความหวาดระแวงและนอนไม่หลับ เขาเฝ้าถามกับตนเองว่าคิดถูกแล้วหรือที่ออกมาจากฮอกวอตส์ สถานที่ที่โวลเดอมอร์ไม่กล้าย่างกรายเข้าไปใกล้และดัมเบิลดอร์ได้รับข้อมูลที่ถูกต้องมากกว่าว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง
ไม่นานหลังจากสิ้นสุดการประลองเวทย์ไตรภาคีที่ฮอกวอตส์ (ซึ่งซลักฮอร์นติดตามข่าวอย่างใกล้ชิด) โลกเวทมนตร์แพร่สะพัดไปด้วยข่าวลือสดใหม่ที่ว่า แฮร์รี่ พอตเตอร์เพิ่งรอดชีวิตจากการแข่งขันภายใต้สถานการณ์ที่น่าสงสัย เขากลับมาสู่ฮอกวอตส์พร้อมกับร่างที่ไร้วิญญาณของผู้เข้าแข่งขันอีกคน คนที่ถูกสังหารโดยโวลเดอมอร์ซึ่งตอนนี้ฟื้นคืนชีพแล้ว
เรื่องเล่าของแฮร์รี่ถูกเพิกเฉยทั้งจากกระทรวงเวทมนตร์และสื่อในโลกเวทมนตร์ แต่ฮอเรซ ซลักฮอร์นเชื่อมันอย่างสนิทใจ และได้รับคำยืนยันที่แน่นอนในอีกสามคืนต่อมาหลังจากการตายของเซดริก ดิกกอรี่ เมื่อผู้เสพความตายคอร์บัน แยกซ์ลีย์มาหาเขาถึงบ้านในช่วงกลางดึก โดยมีเป้าหมายชัดเจนว่าจะชักชวนหรือไม่ก็บังคับเขาให้ไปพบกับโวลเดอมอร์
ซลักฮอร์นไหวตัวทันได้รวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ สำหรับใครก็ตามที่เห็นเขาตัวใหญ่และอ้วนขึ้นในช่วงหลายปีหลังเกษียณ การแปลงร่างตัวเองเป็นเก้าอี้ท้าวแขนสามารถตบตาแยกซ์ลีย์ได้สำเร็จ เมื่อผู้เสพความตายจากไป ซลักฮอร์นจัดการเก็บของสำคัญลงกระเป๋า ล็อกประตูบ้านและหลบหนีออกมา
เป็นเวลาหนึ่งปีที่ซลักฮอร์นย้ายจากบ้านหนึ่งไปอีกบ้านหนึ่ง บ่อยครั้งที่เขาเข้าไปอยู่ตามบ้านของมักเกิ้ลในช่วงที่เจ้าของบ้านไม่อยู่ เขาไม่กล้าที่จะไปอาศัยอยู่กับเพื่อนซึ่งอาจเปิดเผยเบาะแสของเขาได้ — อาจด้วยความตั้งใจหรือถูกขู่บังคับ — มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากและยิ่งน่าอึดอัดเพราะซลักฮอร์นไม่รู้ว่าโวลเดอมอร์ต้องการอะไรจากเขากันแน่ เขาคิดว่านักเรียนเก่าอาจจะอยากชวนให้ซลักฮอร์นเข้าร่วมกองทัพ ซึ่งตอนนี้ยังถือว่าเล็กเมื่อเทียบกับตอนที่เขามีอำนาจคราวก่อน หรือเลวร้ายที่สุดคือโวลเดอมอร์อาจต้องการฆ่าเขา เพื่อไม่ให้ความลับการเป็นอมตะต้องถูกแพร่งพราย
แม้ว่าคาถาและเวทมนตร์และของซลักฮอร์นจะช่วยให้เขารอดพ้นจากผู้เสพความตาย แต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถของอัลบัส ดัมเบิลดอร์ ที่สามารถตามหาตัวเขาจนพบในที่สุด ณ หมู่บ้านบัดลีย์แบบเบอร์ตัน ที่ซึ่งซลักฮอร์นซ่อนตัวอยู่ในบ้านของมักเกิ้ลหลังหนึ่ง อาจารย์ใหญ่ไม่เพียงแค่ไม่หลงกลวิธีตบตาของเขาที่เคยใช้กับแยกซ์ลีย์ แต่ยังเชิญซลักฮอร์นให้กลับไปสอนที่ฮอกวอตส์อีกด้วย และเพื่อเพิ่มแรงจูงใจอีกขั้น ดัมเบิลดอร์ได้แนะนำแฮร์รี่ พอตเตอร์ คนที่เพิ่งจะได้เจอกับซลักฮอร์นเป็นครั้งแรก ไม่เพียงแค่เป็นนักเรียนที่มีชื่อเสียงที่สุดเท่าที่ฮอกวอตส์เคยมีมา แต่เขายังเป็นลูกชายของลิลี่ เอฟเวนส์ หนึ่งในนักเรียนคนโปรดตลอดกาลของซลักฮอร์น
แม้ในตอนแรกจะหักห้ามใจได้ แต่สุดท้ายแล้วซลักฮอร์นก็ไม่สามารถทำได้ ทั้งเหตุผลเรื่องสถานที่ที่ปลอดภัยและตัวของแฮร์รี่เอง คนที่น่าเย้ายวนใจมากกว่าทอม ริดเดิ้ลเสียอีก ซลักฮอร์นคาดไว้อยู่แล้วว่าดัมเบิลดอร์อาจมีเหตุผลอื่นแอบแฝงอยู่เช่นกัน แต่เขาก็มั่นใจว่าสามารถต่อต้านความพยายามของดัมเบิลดอร์ในการค้นพบว่าตัวเขาเคยให้ข้อมูลอะไรกับโวลเดอมอร์ในอดีต เขาเตรียมตัวเองให้พร้อมโดยการแปลงความทรงจำในคืนที่ริดเดิ้ลมาถามความคิดเห็นของเขาเกี่ยวกับเรื่องฮอร์ครักซ์ให้เป็นความทรงจำปลอม
ซลักฮอร์นกลับไปรับตำแหน่งอาจารย์วิชาปรุงยาอีกครั้งด้วยความร่าเริง ก่อตั้งสโมสรซลักอีกครั้งและพยายามรวบรวมนักเรียนที่เก่งหรือมีเส้นสายมาไว้ด้วยกัน และเป็นอย่างที่ดัมเบิลดอร์คาด ซลักฮอร์นประทับใจในตัวแฮร์รี่ พอตเตอร์ คนที่เขาเชื่อว่า (ซึ่งผิดมหันต์) มีความสามารถอันโดดเด่นในวิชาของเขา สุดท้ายแล้วแฮร์รี่ก็สามารถนำความทรงจำที่แท้จริงของซลักฮอร์นเกี่ยวกับฮอร์ครักซ์ที่เขาเคยสนทนากับริดเดิ้ลออกมาได้ในที่สุด หลังจากใช้น้ำยาที่ซลักฮอร์นเป็นคนมอบให้เขาเอง ‘น้ำยานำโชค’ ซึ่งทำให้แฮร์รี่โชคดีอย่างเหลือเชื่อ
เมื่อโรงเรียนถูกควบคุมโดยลอร์ด โวลเดอมอร์ มีเซเวอร์รัส สเนปเป็นอาจารย์ใหญ่และสองผู้เสพความตายพี่น้องแคร์โรว์เป็นผู้คุมกฎที่คอยกดขี่เหล่าบุคลากรและนักเรียน ซลักฮอร์นได้เรียนรู้ว่าโวลเดอมอร์ไม่ได้มีความเลวร้ายอะไรกับเขามากไปกว่ากับการที่เขาต้องมาอยู่ในตำแหน่งหน้าที่ที่คอยสอนแต่พวกเลือดบริสุทธิ์กับเลือดผสม ที่เขาทำได้คือการลดความโดดเด่นของตนเองลง แม้กระทั่งการไม่ยอมใช้กฎอันรุนแรงของพวกแคร์โรว์และพยายามดูแลนักเรียนของเขาให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
บทบาทของซลักฮอร์นในช่วงคืนที่อันตรายที่สุดในชีวิตได้เปิดเผยถึงคุณค่าของความเป็นมนุษย์ของเขาเอง แม้ในตอนแรกสุดเขาตั้งใจจะหลบหนีการต่อสู้โดยการพานักเรียนสลิธีรินหนีออกไปจากปราสาทอย่างปลอดภัย แต่เมื่อมาถึงยังฮอกมีดส์ เขาหันกลับมาช่วยปลุกระดมพวกชาวบ้านและกลับเข้าไปพร้อมกับชาร์ลีย์ วีสลีย์และเข้าร่วมการสู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญของการรบ ยิ่งไปกว่านั้น ในช่วงก่อนจะถึงศึกสุดท้ายของแฮร์รี่ เขาเป็นหนึ่งในสามคนสุดท้ายที่เข้าต่อสู้กับโวลเดอมอร์ (ร่วมกับมิเนอร์ว่า มักกอนนากัลและคิงส์ลีย์ ชักเคิลโบลต์) ซลักฮอร์นต้องการไถ่โทษด้วยการละทิ้งความเห็นแก่ตัวอย่างกล้าหาญและเสี่ยงชีวิตเพื่อต่อสู้กับนักเรียนเก่าของเขาเอง
ความสำนึกผิดอย่างแท้จริงของซลักฮอร์นต่อเรื่องที่เขาเคยบอกกับริดเดิ้ลในอดีตเกี่ยวกับเรื่องที่เขาอยากรู้ ตอนนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าซลักฮอร์นไม่ได้และไม่เคยมีความเป็นผู้เสพความตายอยู่ในตัว เขาอาจจะอ่อนแอ ขี้เกียจและวางภูมิอยู่บ้างเล็กน้อย แต่ซลักฮอร์นก็เป็นคนที่จิตใจดีและเต็มไปด้วยมโนธรรมในจิตใจ ในช่วงการทดสอบสุดท้าย ซลักฮอร์นเผยให้เห็นว่าตัวเขานั้นต่อต้านศาสตร์มืดอย่างจริงจัง เมื่อความกล้าหาญของเขาในช่วงการรบที่ฮอกวอตส์ถูกเผยแพร่ออกไป การกระทำของเขา (ร่วมกับเรกูลัส แบล็ก ซึ่งได้รับความสนใจอย่างล้นหลามหลังการพ่ายแพ้ของโวลเดอมอร์) ทำให้รอยด่างพร้อยของบ้านสลิธีรินที่มีนานกว่าร้อยปีถูกลบออกไปมาก ปัจจุบันซลักฮอร์นเกษียณตัวเองอย่างถาวร ภาพเหมือนของเขาได้รับเกียรติให้แขวนอยู่ในห้องนั่งเล่นรวมของบ้านสลิธีริน
“ควินตัส ฮอเรเชียส แฟลกคัส เป็นหนึ่งในนักกวีที่ยิ่งใหญ่ของโรมัน รู้จักกันทั่วไปในชื่อของฮอเรซ ฉันนำชื่อแรกสองชื่อมาตั้งให้กับเขา คำว่าซลักฮอร์น (Slughorn) มาจากภาษาสก็อตที่แปลว่า ‘เสียงกู่ร้องก่อนทำสงครามของทหาร (war cry)’ อ่านว่า sluagh-ghairm ซึ่งต่อมากลายเป็นคำว่า slughorn ซึ่งสื่อถึงแตรที่ใช้ในการรบ ฉันรักคำนี้ไม่ใช่จากแค่รูปและเสียงของมัน แต่ยังรวมถึงความสัมพันธ์ที่หลากหลายอีกด้วย ภาษาเกลิคดั้งเดิมแฝงไปด้วยความรุนแรง ขณะที่คำที่บิดเพี้ยนมาสื่อถึงอวัยวะรับสัมผัสของพวกทากบก (Arion distinctus) ซึ่งเหมาะมากกับคนที่รักสบายไม่ชอบขยับขยาย Horn สื่อโดยนัยถึงการที่เขาชอบป่าวประกาศถึงคนมีชื่อเสียงและสมาคมอันทรงเกียรติ“
แปลไทยและเรียบเรียงโดย Shootty แอดมินเพจพอตเตอร์ไดอารี่
หากนำบทความออกไปโปรดอ้างอิงเว็บไซต์และผู้เรียบเรียง