ถ้า 6 เดือนที่ผ่านมาคือช่วงที่ยากลำบากของขบวนการเพื่อสิทธิคนข้ามเพศ
หนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมานี้อาจต้องเรียกว่าเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุด
เมื่อโดนัลด์ ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งที่พุ่งเป้ามายังพวกเขาโดยตรง ตั้งแต่การสั่งให้ระบุเพศในเอกสารราชการตามเพศกำเนิดเท่านั้น ยกเลิกระบบ DEI และล่าสุดกับการสั่งยุติการแปลงเพศในเด็กและเยาวชน
ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา กระแสของกลุ่มคนข้ามเพศได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้แนวคิดหลักทั้งหมดของพวกเขากำลังถูกทำลายอย่างย่อยยับในโลกตะวันตก และในบรรดาบุคคลที่ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านแนวคิดนี้ คงไม่มีใครโดดเด่นไปกว่า เจ.เค.โรว์ลิง
1 เมษายน ปีที่แล้ว (2024) ไม่กี่วันก่อนที่รายงานของแพทย์หญิง Hilary Cass จะได้รับการตีพิมพ์ สก็อตแลนด์เพิ่งผ่านกฏหมายว่าด้วยอาชญากรรมจากการสร้างความเกลียดชัง เนื้อความของกฎหมายถูกเขียนไว้อย่างคลุมเครือ ว่าการโจมตีอัตลักษณ์ทางเพศของผู้อื่นอาจเข้าข่ายการสร้างความเกลียดชังและต้องถูกดำเนินคดีตามกฎที่ประกาศใช้ใหม่นี้
เจ.เค.โรว์ลิงโพสต์ทวิตต้อนรับกฏหมายฉบับนี้ ทวิตหลายข้อความของเธอที่นำเสนอข่าวชายซึ่งระบุเพศสภาพตนเองว่าเป็นทรานส์และก่อคดีล่วงละเมิดทางเพศเด็กและผู้หญิง เธอปิดทวิตโดยการแท็กหาตำรวจสก็อตแลนด์พร้อมแฮชแท็ก #จับฉันเลย
ทวีตนั้นของเธอถูกรีไปกว่า 35,000 ครั้ง วันต่อมาตำรวจสก็อตแลนด์ยอมรับว่ามีคนแจ้งความให้จับ เจ.เค.โรว์ลิง จริง แต่สิ่งที่เธอโพสต์นั้น พวกเขาได้ข้อสรุปว่าไม่เข้าข่ายการสร้างความเกลียดชัง ไม่กี่วันต่อมา ริชชี่ ซูนัก นายกรัฐมนตรีของอังกฤษขณะนั้นได้สนับสนุนเธออย่างเปิดเผย
เจ.เค.โรว์ลิงกลายมาเป็นศัตรูสาธารณะหมายเลขหนึ่งของขบวนการสิทธิคนข้ามเพศ ตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม 2019 เมื่อเธอทวิตข้อความสนับสนุนมายา ฟอร์สเตเตอร์ ซึ่งถูกไล่ออกจากงานเพียงเพราะเธอโพสต์บนโซเชียลมีเดียว่า “หญิงข้ามเพศก็คือผู้ชาย”
กลุ่มขบวนการสิทธิ LGBT รุมโจมตีเธอ ทางหนึ่งบอกว่าข้อความของเธอกำลังผลักให้คนข้ามเพศไปตาย อีกทางหนึ่งได้เสนอว่าจะจัดการอบรมเพื่อสั่งสอนความเข้าใจให้โรว์ลิงเสียใหม่ เธอตอบปฏิเสธข้อเสนอของพวกเขาอย่างเย้ยหยัน – แคมเปญเพื่อรุมคว่ำบาตรเธอจึงเริ่มร้อนระอุมากขึ้น
พวกเขาเล่นงานเธอทุกวิถีทาง ทั้งบทความข่าวและการวิพากษ์วิจารณ์เธออย่างรุนแรงผ่านสื่อต่างๆ บทบรรณาธิการข่าวที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น การพยายามแยกเธอออกจากผลงานชื่อดังที่เธอสร้างอย่างแฮร์รี่ พอตเตอร์ – โรว์ลิงผู้ซึ่งค้นคว้าข้อมูลมาจนมั่นใจ ได้ยืนยันตามจุดยืนเดิม ตรงกันข้ามคำหลอกลวง โกหกและเสแสร้งจากกลุ่มนักเคลื่อนไหวเหล่านี้ ทำให้เธอโกรธเคืองอยู่บ่อยๆ
โรว์ลิงตอบโต้ในทวิตส่วนตัวครั้งหนึ่งว่า “การคุกคามถึงชีวิต การขู่ฆ่าข่มขืน การคุกคามนายจ้าง การคุกคามทางร่างกาย ที่อยู่ของครอบครัวถูกโพสต์ลงออนไลน์พร้อมรูปภาพคู่มือการทำระเบิด คุณคิดว่านี่ยังเป็นความเห็นต่างธรรมดา อยู่อีกเหรอ นั่นแปลว่าคุณยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับผู้หญิงที่ลุกขึ้นมาต่อต้านปัญหานี้”
สำหรับนักเคลื่อนไหวสิทธิ LGBT จุดยืนของโรว์ลิงนั้นเป็นมากกว่าการต่อต้าน แต่มันคือ การทรยศ
เธอเป็นชนชั้นนำทางวัฒนธรรมที่เคยสนับสนุนพวกเขามาหลายปี พวกเขาคาดหวังว่าเธอจะยืนอยู่ฝ่ายเดียวกัน ผลงานของเธอที่สร้างปรากฏการณ์ไปทั่วโลกในช่วงขึ้นศตวรรษใหม่ โรว์ลิงคือผู้นำทางวัฒนธรรมหัวก้าวหน้าสำหรับพวกเขา เธอสนับสนุนองค์กร LGBT มาอย่างยาวนาน สนับสนุนการแต่งงานของคนเพศเดียวกัน กล้าประกาศว่ามีตัวละครหนึ่งในแฮร์รี่ พอตเตอร์ที่เป็นเกย์
ดังนั้นเมื่อเธอก้าวออกมาจากเขตแดนพวกเขา นักเคลื่อนไหวเหล่านั้นจึงพยายามคว่ำบาตรเธอ ก่อนจะได้พบว่าเธอมีพลังมากกว่าพวกเขาเยอะ – เมื่อวิธีการนี้ไม่สำเร็จ พวกเขาจึงหันไปใช้การคุกคามเธอ กลุ่มนักกิจกรรมถือป้ายประท้วงที่หน้าบ้านเธอและถ่ายรูปโพสต์ลงอินเตอร์เน็ต โดยจงใจให้เห็นบ้านเลขที่ของเธออย่างชัดเจน
โรว์ลิงโต้กลับการคุกคามครั้งนี้ ตั้งแต่การแจ้งความกับตำรวจสก็อตแลนด์ แม้เธอจะมีเงินมากมายที่จะซื้อความปลอดภัยให้กับตัวเองได้ แต่กับคนอื่นๆ ที่ออกมาพูดเหมือนกับเธอ พวกเขาต้องเผชิญกับการคุกคามจากนักกิจกรรมเหล่านี้ที่สร้างความหวาดกลัวและความเสี่ยงด้านความปลอดภัยให้กับตนเองและคนรอบข้าง – เธอโต้กลับพวกเขาว่า “ทางเดียวที่จะพิสูจน์ว่าขบวนการของพวกคุณไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อผู้หญิงและเด็กจริงๆ คือ การหยุดพฤติกรรมแบบนี้นะ”
แน่นอนว่าพวกเขาไม่สนใจ คำขู่ฆ่าที่โรว์ลิงได้รับนั้น เธอกล่าวว่า "มหาศาลจนแทบจะแปะผนังห้องครัวได้ทั้งแถบ"
19 ธันวาคมที่ผ่านมา (2024) ซึ่งครบรอบ 5 ปีการออกมาพูดสนับสนุนมายา ฟอร์สเตเตอร์ โรว์ลิงยังยืนยันอีกครั้งว่า ความเสียใจที่สุดของเธอในประเด็นนี้คือการที่เธอไม่ยอมออกมาพูดให้เร็วกว่านี้
เธอเขียนเล่าใน The Time ว่า ถูกคนรอบตัวที่เธอรักขอร้องไว้ แต่การที่เธอต้องนั่งทนอยู่เงียบๆ กลับทำให้เธอรู้สึกแย่ยิ่งกว่าเดิม เธอยืนกรานว่าการเคลื่อนไหวของคนพวกนี้ไม่ได้ “ใจดีมีเมตตา" แต่คือขบวนการเกลียดชังผู้หญิงอย่างลึกซึ้ง ถอยหลังลงคลอง มีเป้าหมายบางอย่างที่อันตรายและใช้กลยุทธ์แบบเผด็จการอย่างโจ่งแจ้ง รวมทั้งสิ่งที่ขบวนการนี้ทำกับเยาวชนหนุ่มสาวในเรื่องการระบุอัตลักษณ์ทางเพศนั้น “เป็นความอื้อฉาวทางการแพทย์ที่เลวร้ายที่สุด”
หลายคนบอกว่าโรว์ลิงกำลังทำลาย “ตำนาน” ที่ตัวเองเพียรสร้างขึ้นมา เธอตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า “ฉันไม่มานั่งคิดหรอกว่าตัวเองเคยสร้างตำนานอะไรไว้ มันพิลึก! เดี๋ยวฉันก็ตายแล้ว สนใจที่ปัจจุบันดีกว่าไหม”
และดูเหมือนว่ากระแสของสาธารณชนที่มีต่อขบวนการสิทธิคนข้ามเพศในช่วงหลังมานี้ ก็กำลังค่อยๆ เริ่มเปลี่ยนไปในทิศทางเดียวกับโรว์ลิง
เธอคืออีลิธทางวัฒนธรรมเพียงไม่กี่คนที่กล้าหาญ มองการณ์ไกลและเห็นว่าขบวนการนี้สร้างปัญหาและก่ออันตรายมากเพียงใด จุดยืนของเธอช่วยกระชากหน้ากากของเพื่อนอีลิธคนอื่นๆ รวมทั้งขบวนการที่ก่อให้เกิดความอื้อฉาวทางการแพทย์ในรอบศตวรรษ
เธอใช้ชื่อเสียง ความมั่งคั่งและพลังการชี้นำทางวัฒนธรรมของเธอในการสนับสนุนกลุ่มนักเคลื่อนไหวและผู้คนที่ต่อต้านขบวนการเหล่านี้ แม้จะมีอุปสรรคมากมาย แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้เธอก็ยังคงยืนหยัดอยู่ได้
เรียบเรียงบทความโดยโดย Shootty แอดมินเพจพอตเตอร์ไดอารี่
หากนำบทความออกไปโปรดอ้างอิงเว็บไซต์และผู้เรียบเรียง
ติดตามกันได้ที่เพจ https://www.facebook.com/potterdiarythaifa