การให้สัมภาษณ์ล่าสุดของเอ็มม่า ดูเหมือนจะทำให้เจ.เค.โรว์ลิงตัดสินใจแล้วว่า
ไม่มีการอ้อมค้อมอีกต่อไป
ฉันเห็นมีคนถกเถียงเรื่องนี้กันเยอะมาก ดังนั้นจึงขอชี้แจงอยู่สองสามเรื่องนะ
ฉันไม่ได้คาดหวังให้นักแสดงที่เคยเล่นตัวละครที่ฉันสร้าง จะต้องเห็นด้วยกับฉันไปตลอดกาล ความคิดแบบนั้นมันไร้สาระพอๆ กับที่ฉันจะต้องคอยถามเจ้านายตอนอายุ 21 ว่าฉันควรมีความคิดเห็นแบบไหนในวันนี้ เอ็มม่า วัตสัน และเพื่อนนักแสดงของเธอมีสิทธิ์เต็มที่ ที่จะเชื่อในอุดมการณ์เรื่องอัตลักษณ์ทางเพศ ความเชื่อแบบนี้ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายและฉันไม่อยากเห็นใครถูกคุกคามเรื่องงาน ถูกทำร้าย หรือถูกขู่ฆ่าเพียงเพราะมีความเชื่อที่ต่างจากฉัน
แต่อย่างไรก็ตาม เอ็มม่าและแดน พวกเขาทั้งสองคน ได้กระทำอย่างชัดเจนตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา พวกเขามอง ความสัมพันธ์ในอดีตที่มีกับฉัน คือ ใบอนุญาต—ไม่สิ เป็นภาระผูกพันเลยด้วยซ้ำ— ในการออกมาวิจารณ์ฉันและความเห็นของฉันในที่สาธารณะ หลายปีหลังจากบทบาทใน Harry Potter ของพวกเขาสิ้นสุดลง พวกเขายังคงสวมบทบาทเป็นโฆษกโดยพฤตินัยของโลกที่ฉันสร้างขึ้นมา
ถ้าคุณรู้จักใครบางคนตั้งแต่อายุแค่สิบขวบ มันยากที่จะสลัดความรู้สึกอยากปกป้องหรือเห็นใจทิ้งไปได้ ไม่นานมานี้ฉันก็ยังติดภาพจำของเด็กๆ ที่ต้องคอยปลอบให้กล้าพูดบทในกองถ่ายที่น่ากลัว ฉันปฏิเสธนักข่าวหลายครั้งที่จะไม่พูดถึงเอ็มม่าโดยตรงแม้กระทั่งใน The Witch Trials of JK Rowling ฉันบอกโปรดิวเซอร์ไปว่า ฉันไม่อยากให้เธอถูกไล่ล่าหรือถูกกดดันเพราะคำพูดของฉัน
พิธีกรทีวีในคลิป ชี้ไปที่สุนทรพจน์ all the witches ของเอ็มม่า (BAFTA 2022) จริงอยู่ว่านั่นเป็นจุดเปลี่ยนสำหรับฉันจริงๆ แต่สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นเจ็บกว่าสุนทรพจน์บนเวทีของเธอเสียอีก
เอ็มม่าให้ใครบางคน ส่งโน้ตที่เขียนด้วยมือเธอมาให้ฉัน เธอบอกว่า “ฉันเสียใจกับสิ่งที่คุณกำลังเผชิญ” (ทั้งๆ ที่เธอมีเบอร์โทรศัพท์ของฉัน) ช่วงเวลานั้น คือ ช่วงที่ฉันได้รับคำขู่ฆ่า ข่มขืน และทรมานจำนวนมหาศาล จนความปลอดภัยของฉันกับครอบครัวต้องยกระดับอย่างจริงจัง ฉันอยู่ในสภาวะหวาดกลัวแทบตลอดเวลา แต่เอ็มม่ากลับออกมาพูดในที่สาธารณะเหมือนเทน้ำมันราดกองไฟ แล้วเธอคิดว่าคำพูดสั้นๆ หนึ่งบรรทัดที่ส่งมาให้ฉันนี้ ได้แสดงถึงความเห็นอกเห็นใจของเธอที่มีต่อฉัน
เหมือนอีกหลายคนที่ไม่เคยใช้ชีวิตจริงโดยไร้เบาะรองรับ จากชื่อเสียงและความมั่งคั่ง "เอ็มม่ามีประสบการณ์ชีวิตน้อยเกินไป จนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองไม่มี"
เธอไม่มีวันต้องเข้าศูนย์พักพิงคนไร้บ้าน ไม่ถูกจัดให้อยู่ในวอร์ดโรงพยาบาลที่ไม้มีการแยกชายหญิง ฉันจะแปลกใจมากเลย ถ้าเธอเคยเข้าห้องลองเสื้อในห้าง ตั้งแต่ยังเด็ก ห้องน้ำสาธารณะของเธอ คือ ห้องเดี่ยวที่มีบอดี้การ์ดยืนเฝ้าอยู่ข้างนอก เธอเคยต้องถอดเสื้อในห้องเปลี่ยนเสื้อรวมเพศที่สระว่ายน้ำของเทศบาลหรือ? เธอจะต้องใช้บริการศูนย์ช่วยเหลือผู้ถูกข่มขืนของรัฐที่ไม่รับประกันการบริการเฉพาะผู้หญิงโดยกำเนิดหรือ? เธอมีโอกาสจะต้องนอนคุกห้องเดียวกับ ชายข่มขืนที่ระบุตัวเองว่าเป็นผู้หญิงหรือ?
ตอนฉันอายุ 14 ฉันไม่ได้เป็นมหาเศรษฐี ฉันเคยอยู่ในความยากจนขณะ #เขียนหนังสือที่ทำให้เอ็มม่ามีชื่อเสียง ฉันจึงเข้าใจดีว่า การทำลายสิทธิของผู้หญิง ที่เอ็มม่าเข้าร่วมอย่างกระตือรือร้นนั้น มีความหมายต่อผู้หญิงและเด็กผู้หญิงที่ไม่มีอภิสิทธิ์แบบเธออย่างไร
สิ่งที่ย้อนแย้งที่สุดก็คือ ถ้าเอ็มม่ายังไม่ออกมาให้สัมภาษณ์ล่าสุด ซึ่งบอกว่าเธอรักและเห็นคุณค่าของฉัน - การเปลี่ยนท่าที ที่ฉันอดสงสัยไม่ได้ว่า เป็นเพราะเธอคงเริ่มเห็นแล้วว่าแฟชั่นการประณามฉันมันเริ่มไม่ศักดิ์สิทธิ์เหมือนเมื่อก่อน - เธอก็คงไม่พูดออกมาตรงๆ แบบนี้
ผู้ใหญ่ที่โตๆ กันแล้ว ไม่ควรคิดว่านะว่า ในเมื่อตัวเองสามารถโอบอุ้มขบวนการนักเคลื่อนไหว ที่เรียกร้องให้ฆ่าเพื่อนของตัวเอง ยังจะกล้ามาอ้างสิทธิ ขอความรักจากเพื่อนคนนั้นอีกเหรอ ทำเหมือนเพื่อนคนนั้น คือแม่ของตัวเองหรืออย่างไร?
เอ็มม่ามีสิทธิ์เต็มที่ ที่จะไม่เห็นด้วยกับฉันและมีสิทธิ์พูดความรู้สึกของเธอต่อฉันในที่สาธารณะ
แต่ฉันก็มีสิทธิ์เช่นกัน
และนี่คือการตัดสินใจ ที่ฉันใช้มันในที่สุด
เรียบเรียงบทความโดยโดย Shootty แอดมินเพจพอตเตอร์ไดอารี่
หากนำบทความออกไปโปรดอ้างอิงเว็บไซต์และผู้เรียบเรียง
ติดตามกันได้ที่เพจ https://www.facebook.com/potterdiarythaifa