*** ถอดความเฉพาะส่วนที่สัมภาษณ์ J.K Rowling ***
บทความตอนนี้มีบางส่วนอาจไม่เหมาะสมกับเด็กและเยาวชน
JK : ตอนแรกที่ฉันเริ่มสนใจในขบวนการขับเคลื่อนทางวัฒนธรรมรูปแบบนี้ และเริ่มได้พบว่ามีปัญหาอย่าง โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวที่ไม่เป็นไปตามแบบเสรีนิยม และมีแนวคิดหลายอย่างสมควรต้องถูกตั้งคำถาม ฉันรู้อยู่เต็มอกว่าหากฉันพูดออกไป หลายๆ คน โดยเฉพาะ คนที่รักในหนังสือของฉันจะต้องไม่โอเคกับฉันแน่ๆ - ฉันรู้ดีเลย เพราะฉันก็รู้ว่าพวกเขาเห็นและเชื่อในคุณค่าที่ฉันได้เขียนลงไปในหนังสือ - พวกเขาเชื่อว่ากำลังต่อสู้ให้กับกลุ่มคนเปราะบาง แตกต่างและไม่ได้รับความยุติธรรม แต่พอฉันคิดว่า มันง่ายกว่าถ้าฉันจะเพิกเฉยหรือลืมๆ มันไป กลับทำให้ฉันรู้สึกแย่ลงไปอีก
ส่วนตัวแล้ว สำหรับฉัน นี่มันไม่ใช่เรื่องสนุกเลย และฉันก็หวาดกลัวอยู่ตลอดเวลา ทั้งความปลอดภัยของตัวเองและเหนือสิ่งอื่นใดคือครอบครัว คงมีแต่เวลาเท่านั้นล่ะ ที่จะบอกว่าสิ่งที่ฉันทำลงไปนั้นเป็นความผิดพลาดรึเปล่า
ฉันขอบอกตามตรงว่า ฉันคิดเรื่องนี้อย่างหนักและลึกซึ้งอยู่เป็นเวลานานมาก ฉันรับฟังความเห็นของทุกฝ่าย ซึ่งนั่นเองที่ทำให้ฉันอยากบอกอีกฝ่ายด้วยความสัจจริงว่า ฉันเชื่อจริงๆ ว่ามันมีบางอย่างที่อันตรายแฝงอยู่ในการขับเคลื่อนนี้ที่สมควรต้องถูกตั้งคำถาม
Maya Forstater : นักวิจัยประจำ Centre for Global Development (CGD) ถูกระงับสัญญาหลังจากเธอทวิตแสดงความเห็นว่า "หญิงข้ามเพศไม่สามารถเปลี่ยนเพศทางชีวภาพได้" - Maya ถูกไล่ออก ก่อนที่เธอจะเดินหน้าฟ้อง CGD ที่ยุติสัญญาเธออย่างไม่เป็นธรรม (เรื่องเกิดในปี 2019)
เรื่องนี้ได้สร้างแรงกระเพื่อมอย่างมหาศาล เพราะมีผู้หญิงอีกหลายคนที่โดนนายจ้างเลิกจ้างหรือไม่ต่อสัญญาอย่างไม่เป็นธรรม เพียงเพราะแสดงความเห็นในทำนองที่คล้ายกัน
** ศาลตัดสินให้ Maya ชนะคดีในปี 2022
JK : สรุปก็คือ พวกเขามองว่า ความเชื่อของเธอที่ว่าเพศทางชีวภาพนั้นเป็นสิ่งพื้นฐานที่คงที่และไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ไม่คู่ควรแก่การยอมรับ ฉันคิดว่าพวกเขาทำไม่ถูกต้อง คุณไม่สามารถเอาหลักความเชื่อที่อ้างว่าเป็นปรัชญาสมัยใหม่มาตีคลุมสิ่งนี้ได้ หลักฐานก็บอกชัดเจนว่าผู้หญิงอย่างเราเป็นผู้ผลิตเซลล์สืบพันธุ์ขนาดใหญ่ ดังนั้นการที่หน่วยงานต้นสังกัดของมายาตัดสินแบบนั้นต่างหากที่ไม่คู่ควรแก่การยอมรับ และเหตุการณ์นั้นทำให้ฉันตัดสินใจแล้วว่า ฉันจะต้องลุกขึ้นมา ฉันต้องออกมาพูดเดี๋ยวนี้ พอกันที
JK : ฉันเลยร่างทวิตอันนั้น แล้วก็ฉันก็มีมารยาทพอที่จะส่งมันให้กับทีมผู้จัดการส่วนตัวดูก่อนด้วยนะ ฉันบอกพวกเขาไปว่า "คุณไม่สามารถโต้แย้งฉันได้นะ ในกรณีนี้" แล้วฉันก็อ่านทวิตนั้นให้พวกเขาฟัง เพราะฉันอยากเตือนพวกเขาล่วงหน้า ฉันรู้ว่าเดี๋ยวจะมีพายุลูกใหญ่มหึมาตามมา และฉันรู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นตามมาบ้าง แน่นอนว่ามันกำลังจะมาถึง ขอให้พวกคุณเตรียมตัวให้ดี
แล้วฉันก็ทวิตไปว่า...
แต่งตัวอย่างไรก็ได้ตามที่คุณชอบ จะเรียกตัวเองว่าอะไรก็ได้ตามที่ชอบ จะหลับนอนกับผู้ใหญ่คนไหนก็ได้แล้วแต่คุณ ใช้ชีวิตของคุณให้ดีที่สุดในความสงบและความปลอดภัย
แต่การบังคับให้ผู้หญิงต้องโดนไล่ออกจากงานเพราะพวกเธอเชื่อว่าเพศกำเนิดคือของจริงเนี่ยนะ ?
#ฉันอยู่ข้างมายา #นี่ไม่ใช่การซ้อม
นี่คือทวิตที่ฉันตอบโต้ในกรณีของ Maya Forstater
Megan : จากด้านนอก ดูเหมือนว่ากลุ่มแฮร์รี่ พอตเตอร์บนโลกออนไลน์ทั้งหมดได้พร้อมใจกันเอาคุณขึ้นไปวางบนแท่น แล้วทำอย่างที่คุณเคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้า - พวกเขารุมบอกว่าคุณทำให้พวกเขาผิดหวังอย่างใหญ่หลวง
JK : ใช่! นั่นเป็นความโกรธที่เกิดจากความไม่เข้าใจอย่างยิ่ง (ในสิ่งที่ฉันพูดไป)
Megan : ก่อนหน้านี้เราพูดถึงการวิพากย์วิจารณ์คุณจากพวกฝ่ายขวา ซึ่งคุณได้บอกไปแล้วว่าไม่ได้ทำให้คุณรู้สึกว่าต้องเก็บเอามาใส่ใจ ฉันอยากรู้ว่าคุณรู้สึกแบบเดียวกันไหมในตอนนี้ ซึ่งมันมาจากพวกฝ่ายซ้ายที่ยืนอยู่ข้างเดียวกับคุณ
JK : เพราะคราวนี้มาจากกลุ่มคนที่เป็นเพื่อนหรือพันธมิตรฝั่งเดียวกัน ใช่ แน่นอนว่ามันแตกต่างอย่างมาก ฉันรู้ว่าพวกเรายึดถือคุณค่าบางอย่างร่วมกัน นั่นเลยทำให้ฉันต้องคิดใคร่ครวญอยู่ตลอดเวลา แต่ฉันก็อยากบอกคุณเหมือนกันว่า มีพอตเตอร์แฟนอีกหลายคนยังยืนอยู่ข้างฉันและพวกเขาอีกหลายคนก็รู้สึกขอบคุณที่ฉันออกมาพูดเรื่องนี้
ที่น่าสนใจคือ พวกกลุ่มแฟนๆ ที่มีพลังในการชี้นำบนโลกออนไลน์ ฉันไม่รู้ว่าพวกเขารู้สึกว่าต้องออกมาแสดงจุดยืนอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะมีผู้ติดตามพวกเขาจำนวนมากหรือเปล่า - ก็เป็นไปได้นะ ฉันรู้ว่าน่าจะมีแรงกดดันมหาศาลพุ่งไปยังพวกเขาเหล่านั้น แล้วก็ความกลัวที่จะแสดงจุดยืนในเรื่องนี้ด้วย - ซึ่งฉันเข้าใจได้นะ
แต่บางส่วนนอกจากจะไม่เข้าใจแล้ว ยังเอาแต่ถามฉันว่า "ทำไมฉันต้องพูดแต่เรื่องนี้ซ้ำไปซ้ำมา ผู้หญิงข้ามเพศกับผู้หญิง" "ทำไมคุณทำแบบนี้" "นี่คือความถูกต้องและชอบธรรมเหรอ" - สิ่งนี้ต่างหากที่ฉันไม่เข้าใจเลย แล้วแฟนๆ พวกนี้ก็มักจะเอาแต่บอกว่า ฉันไม่เคยเข้าใจในสิ่งที่ตัวเองเขียน หรือ บอกว่าฉันได้ทรยศต่อสิ่งที่ได้เขียนลงไปในหนังสือ - ฉันขอยืนยันเลยนะว่าฉันยังยึดถือมุมมองตามที่ฉันเขียนลงไปในหนังสือพอตเตอร์ และการเคลื่อนไหวของพวกนักกิจกรรมเหล่านี้คือภาพสะท้อนที่กำลังเกิดขึ้นจริง ซึ่งฉันเคยได้เตือนไว้แล้วในแฮร์รี่ พอตเตอร์
Megan : [การคว่ำบาตร] โรว์ลิ่งทวิตอีกครั้งในวันที่ 6 มิถุนายน 2020 คุณพอจะบอกได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนนั้นคุณทำอะไรอยู่
JK : ตอนนั้นฉันโกรธ ฉันโกรธจริงๆ - ฉันเปิดทวิตเตอร์และหน้าฟีดด้านบนสุด คือบทความนั้น "สร้างความเท่าเทียมให้กับโลกหลังยุค COVID-19 สำหรับผู้ที่มีประจำเดือน" - คุณรู้ไหม มันมีคำพูดที่ทรงพลังมากมายในหน้าประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ทั้งอันที่ดีและไม่ดี และสำหรับฉันคำว่า "ผู้หญิง" มันมีพลังในตัวเอง และฉันไม่เชื่อว่าเราจะต้องมาหาคำเรียกอื่นๆ ให้กับผู้หญิงและเด็กผู้หญิงแทนคำเรียกที่เป็นรูปธรรมอยู่แล้ว ฉันแค่รู้สึกว่าจะทำให้ยุ่งยากไปทำไม ยิ่งพอได้เข้าไปอ่านบทความนั้นอีก ซึ่งเต็มไปด้วยที่มาที่ฉันคุ้นเคย และเห็นได้ชัดว่ามันเป็นการพยายามปิดปากและกีดกันผู้หญิง - ฉันเองก็อยู่ในสภาวะบีบคั้นจากสิ่งที่เพิ่งได้พูดออกไป ดังนั้นสิ่งที่ฉันเพิ่งได้เห็นตอนนั้น จึงยิ่งเป็นการจุดไฟให้ฉันรู้สึกถึงความอยุติธรรมที่กำลังเผชิญในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง
ดังนั้นฉันจึงรู้สึกโกรธ แต่ขณะเดียวกันก็อยากกวนอารมณ์ด้วย ฉันเลยทวิตไป แน่นอนว่าคราวนี้ไม่ได้ปรึกษากับทีมผู้จัดการก่อน
"ผู้มีประจำเดือน" ฉันแน่ใจว่ามีคำเรียกคนพวกนั้นดีกว่านี้นะ มีใครพอจะช่วยฉันนึกออกบ้างไหม (แล้วเธอก็เลือกใช้คำแสลง เพื่อเป็นการเหน็บแนมว่า ทำไมไม่ใช้คำว่าผู้หญิง [Women] ออกมาโดยตรง) Wumben? Wimpund? Woomud?
และนั่นเหมือนกับการที่ฉันได้ทิ้งระเบิด ลงใน Twitter อย่างแท้จริง
แต่ถามว่าเป็นการระเบิดจริงไหม ไม่หรอก ฉันเก็บความโกรธเอาไว้กับตัวเอง ก็เลยทวิตออกไปให้เห็นแบบนั้น
แล้วฉันก็ตอบโต้อีกครั้งหนึ่ง.. โดยการทวิตไปว่า
“ถ้าเพศ(กำเนิด)ไม่มีอยู่จริง งั้นก็ไม่มีคำว่ารักเพศเดียวกัน ถ้าเพศไม่มีจริง ตัวตนของผู้หญิงทั้งโลกก็จะถูกลบออกไปด้วย ฉันรักคนข้ามเพศนะ แต่การลบแนวคิดที่ว่าเพศกำเนิดไม่มีอยู่จริงก็จะทำให้คุณค่าในชีวิตของใครหลายๆ คนต้องถูกลืมไปด้วย มันไม่ใช่ความเกลียดชังนะ มันคือการพูดความจริง ”
ความคิดที่ว่าผู้หญิงแบบฉัน - ซึ่งเห็นใจคนข้ามเพศมาหลายสิบปี รู้สึกเข้าอกเข้าใจเพราะพวกเธออ่อนไหวเช่นเดียวกันกับผู้หญิง เช่น เรื่องความรุนแรงจากผู้ชาย - กลับถูกมองว่าเกลียดคนข้ามเพศเพียงเพราะพวกเราคิดว่าเพศกำเนิดมีจริงและมีผลกระทบตามมา - เป็นเรื่องไร้สาะ
ฉันเคารพสิทธิของคนข้ามเพศทุกอย่าง พวกเขาที่มีสิทธิจะใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบายตามที่ต้องการ ฉันจะร่วมเดินไปกับพวกคุณ หากเผชิญกับการแบ่งแยกหรือถูกเลือกปฏิบัติเพราะเป็นคนข้ามเพศ ควบคู่ไปกับชีวิตฉัน ที่เติบโตมาในฐานะผู้หญิง และฉันไม่เชื่อว่านี่เป็นความเกลียดชังนะ
JK : ตอนนี้ฉันยืนกรานตามทุกคำที่ฉันได้เขียนไป แต่คำถามคือ แล้วความจริงล่ะคืออะไร นี่ฉันกำลังเถียงกับผู้คนที่บอกว่าเพศกำเนิด (sex) เป็นแค่สิ่งสมมติ และมันไม่อยู่จริง
แต่ฉันคิดว่าเพศกำเนิดมันมีอยู่จริง และมันสำคัญ ฉันถึงต้องพูดออกไป และฉันไม่มานั่งคิดหรอกว่า "นี่ฉันกำลังทำอะไรอยู่ ฉันจะวาง position ของตัวฉันเองยังไงดีในฐานะคนมีชื่อเสียง" ฉันแค่พูด-คิด-รู้สึก ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง - จากนั้นก็เริ่มมีหลายๆ สิ่งเกิดขึ้นตามมาพร้อมๆ กัน หนึ่งในนั้นที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าน่าโมโห คือการติดตามแฮชแท็ก #BeKind* บนทวิต ซึ่งฉันคิดว่ามันทั้งลดทอนคุณค่าความเป็นมนุษย์และการตั้งคำถามของผู้หญิงเป็นอย่างมาก ฉันเฝ้าดูการเคลื่อนไหวนี้ที่กำลังกระทำต่อผู้หญิงในลักษณะที่ฉันคิดว่าน่ารังเกียจอย่างที่สุด
#BeKind* คือ movement ที่เรียกร้องสิทธิในกับกลุ่มคนข้ามเพศ แต่วิธีการของพวกเขาคือการใช้ความรุนแรง โดยเฉพาะกับกลุ่มสิทธิสตรี และเลสเบี้ยน - ที่น่ากังวล คือ กลุ่มคนเหล่านี้มักจะอำพรางใบหน้าด้วยเองด้วยผ้าสีดำ และมักใช้ระเบิดหรืออาวุธขณะมีการเคลื่อนไหว
อาจเรียกได้ว่าเป็นกลุ่มนักเคลื่อนไหวที่ใช้ความรุนแรงอยู่หลายครั้ง
JK : นั่นล่ะ คุณเห็นไหม พวกเขามักจะโจมตีว่า "TERF น่ะมันเป็นกันโดยกมลสันดานของพวกผู้หญิง ที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังสุดขั้ว พวกเธอมันคือปิศาจ" ฉันไม่อยากบอกเลยนะว่าที่พูดกันมาน่ะ ยังกับภาษาของไบเบิ้ลเลย ซึ่งมักจะเกิดขึ้นทันทีเมื่อผู้หญิงสักคนออกมาพูดว่า "คุณรู้อะไรไหม ฉันว่าความคิดอะไรก็ตามที่จะทำให้พวกผู้ล่าเข้าถึงผู้หญิงและเด็กผู้หญิงได้ง่ายขึ้น นั่นไม่ใช่ความคิดที่ดีเลย" - แม้ว่าผู้หญิงคนที่พูดนั้นจะไม่ได้ประกาศตัวเองว่าเป็นเฟมินิสต์ก็ตาม พวกเธอยังเห็นถึงความน่ากังวลใจในข้อนี้
และถ้าคุณซึมซับความคิดที่ว่า TERF เป็นพวกสัตว์ร้ายและขยะแล้ว ขั้นต่อไปที่คุณจะใช้คือ "โจมตีพวก TERF! ฆ่าพวกมัน! หยิบไม้เบสบอลขึ้นมาแล้วทุบพวกมันซะ!" และแน่นอนว่า "ไม่มีประโยชน์ที่จะโต้เถียงกับพวก TERF! เราต้องทำให้พวกมันกลัวจนไม่กล้าเปิดปากพูดออกมา!"
Megan : หลังจากคุณทวิตออกไปแล้วนั่งเฝ้ามองการตอบรับที่กลับมา ขณะที่นั่งอ่านข้อความเหล่านั้น คุณรู้สึกยังไง
JK : ฉันรู้สึกอย่างไรน่ะเหรอ สวยงามไหม สนุกสนานหรือเปล่า ไม่แน่นอน! มันน่ากลัว น่ากลัวมากๆ เพราะมันเป็นเรื่องใหญ่นะ ฉันคิดว่าผู้คนอาจไม่รู้ว่าเรื่องที่ฉันได้พูดออกไปนั้นมันเป็นเรื่องใหญ่มาก แม้ฉันจะเตรียมพร้อมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาไว้แล้วบ้าง แต่ฉันคิดว่าพวกเขาคงรู้สึกเหมือนโดนฉันชกหมัดเข้าใส่เต็มๆ พวกเขาคงรู้สึกเจ็บปวดมาก - ถ้าคุณเคยถูกชกเข้าจังๆ สักครั้งจะรู้ว่ามันเจ็บและจุกแค่ไหน - ดังนั้นถ้าถามว่าฉันสนุกไหม ไม่เลยสักนิดเดียว
เจ.เค.โรว์ลิง อ่านทวนบทความที่เธอเคยโพสต์บนเว็บไซต์ส่วนตัวอีกครั้ง เกี่ยวกับประเด็นเรื่องของเพศกำเนิดและเพศสภาพ
"ถ้าคุณเข้ามาในความคิดของฉันและทำความเข้าใจว่าฉันรู้สึกอย่างไรที่เห็นผู้หญิงข้ามเพศถูกฆ่าตายด้วยน้ำมือของผู้ชายที่ชอบใช้ความรุนแรง คุณจะเจอความเข้าอกเข้าใจเหมือนพี่น้องผู้หญิงด้วยกัน ฉันสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวที่หญิงข้ามเพศอาจต้องเผชิญว่านี่อาจเป็นวินาทีสุดท้ายบนโลกนี้ของพวกเธอ เพราะฉันรู้ดีว่าความหวาดกลัวแบบนั้นมันเป็นอย่างไร เมื่อฉันต้องคุมสติให้อยู่กับตัวที่กำลังสั่นกลัวจากผู้จู่โจม
ฉันเชื่อว่าคนที่ระบุตนเองว่าเป็นคนข้ามเพศไม่เพียงแค่จะไม่ทำร้ายคุกคามผู้อื่น แต่ยังคงอ่อนไหวและเประบางด้วย ดังนั้น ด้วยเหตุผลที่ฉันได้ยกตัวอย่างมาในข้างต้น คนข้ามเพศสมควรได้รับการปกป้อง เหมือนกับผู้หญิง พวกเขามักจะถูกฆ่าจากคู่หลับนอน โดยเฉพาะหญิงข้ามเพศที่ประกอบอาชีพในอุตสาหกรรมเกี่ยวกับเซกส์ และโดยอย่างยิ่งกับผู้หญิงข้ามเพศผิวสีที่มักจะมีความเสี่ยงมากกว่าใคร เช่นเดียวกับผู้ที่รอดจากการถูกล่วงละเมิดในครอบครัวและถูกล่วงละเมิดทางเพศในรูปแบบต่างๆ ฉันไม่มีความรู้สึกใดๆ นอกจากเห็นใจและเข้าอกเข้าใจว่าหญิงข้ามเพศนั้นก็ถูกทำร้ายได้โดยผู้ชาย
ดังนั้น ฉันอยากให้ผู้หญิงข้ามเพศปลอดภัย แต่ขณะเดียวกัน ฉันไม่ต้องการให้ผู้หญิงและเด็กผู้หญิงแท้ต้องปลอดภัยน้อยลง เมื่อคุณยอมเปิดประตูห้องน้ำหรือห้องแต่งตัวแล้วอนุญาตให้ผู้ชายคนใดที่เชื่อว่าตนเองเป็นผู้หญิง - ซึ่งจากที่ฉันได้เคยบอกไปแล้ว ว่าการระบุเพศอาจทำได้ง่ายโดยไม่ต้องมีการผ่าตัดรับฮอร์โมน หรือการรับรองทางการแพทย์นั้น - เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ชายคนใดเข้ามาก็ได้ตามใจชอบ นี่คือความจริงง่ายๆ เลย"
Megan : คุณจะบอกอะไรกับคนที่บอกคุณว่า "นั่นเป็นความรับผิดชอบของคุณ" *
JK : ฉันได้ยินมานับครั้งไม่ถ้วนเลยล่ะ "เราขอให้คุณออกมาแสดงความรับผิดชอบ" - ฉันเห็นด้วยอย่างมากกับวลีที่ว่า "การกระทำสำคัญกว่าคำพูด" ก็คุณทำพฤติกรรมกันอย่างไรล่ะ เที่ยวระรานคนอื่นไปทั่วหรือเปล่า ถ้าคุณเป็นแบบนั้นแล้วโห่ร้องไปตลอดเวลาด้วยวาจาของพวกเผด็จการอย่างเช่น "คนๆ นี้ถูกคว่ำบาตร ฉันคว่ำบาตรคุณ ฉันจะลบคุณออกไป ตายซะ!"
แล้วฉันก็ได้รับคำต่อว่าพวกนี้เข้ามามากจนนับไม่ไหว ฉันเคยเห็นแฮชแท็ก #RIPJKRowling ลอยไปทั่ว - แต่ยังไงเรื่องนี้มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉันเลย ฉันว่ามันชัดเจนอยู่นะว่าทำไมฉันต้องมารับผิดชอบเรื่องนี้ด้วย
*มีความพยายามจากนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิคนข้ามเพศบางกลุ่ม พยายามป้ายความผิดให้กับ เจ.เค.โรว์ลิง พวกเขากล่าวว่า "เธอต้องรับผิดชอบกับการตายของคนข้ามเพศที่ถูกรุมทำร้ายจนถึงแก่ความตาย" เพราะโรว์ลิงไม่ยอมแสดงจุดยืนสนับสนุนสิทธิของคนข้ามเพศอย่างเปิดเผย
แต่ขณะเดียวกันพวกนักเคลื่อนไหวกลุ่มนี้ ก็คือกลุ่มที่ออกมาโจมตีโรว์ลิงว่าเป็นพวกเกลียดคนข้ามเพศ (transpobia) บ้าง / TERF บ้าง - คอยสร้างกระแสและความเข้าใจผิดให้กับผู้คนบนโลกออนไลน์ จนคนส่วนใหญ่เข้าใจ เจ.เค.โรว์ลิง แบบผิดๆ
และลุกลามไปจนถึงขั้นถือป้ายประท้วงหน้าบ้านของเธอ (แล้วโพสต์ที่อยู่ของโรว์ลิงลงบนสื่อออนไลน์)
JK : ถ้าคุณอยากจะดีเบตกับฉัน ฉันบอกเลยว่าฉันเต็มใจที่จะเปิดเวทีให้ ฉันยินดีมากที่จะเข้าร่วมในการถกเถียงเรื่องนี้ แต่พอฉันทำแบบนั้น พวกเขาก็รีบสลายตัวออกทันทีเหมือนกับผึ้งแตกรัง แล้วโต้ฉันกลับว่า "อ๋อ เราไม่ฟังคุณหรอก คุณมันปิศาจ คุณไม่ต้องมาบอกอะไรให้เราฟังด้วยนะ" ขอพูดตรงๆ เลยนะว่าขี้ขลาดสิ้นดี และฉันไม่เชื่อว่ามีการเคลื่อนไหวที่ชอบธรรมแบบไหนเขาทำแบบนี้กันหรอก
JK : เพื่อนรักของฉันคนหนึ่งภูมิใจในความเป็นคาทอลิกมาก และนิยมแนวคิดสนับสนุนชีวิต (Pro-life : ต่อต้านการทำแท้ง) แต่ฉันซึ่งเป็นเฟมินิสต์ ฉันนิยมแนวคิดสนับสนุนทางเลือก (Pro-choice : ผู้หญิงมีสิทธิในร่างกายของตนเอง) ฉันเข้าใจดีว่าข้อโต้แย้งของเขาคืออะไร ฉันเคารพในความคิดเห็นของเขา และเขาเองก็เคารพในความคิดเห็นของฉันเช่นกัน - เราสองคนมักจะมองหาจุดร่วมเทาๆ ตรงกลางระหว่างความเชื่อทั้งสองฝั่ง และฉันคิดว่ามันยอดเยี่ยมมาก มันคือความงดงามของความเห็นที่แตกต่าง เราไม่ควรตัดใครออกจากชีวิตแค่เพียงเพราะว่าเรามีความเห็นไม่เห็นตรงกันแค่บางเรื่อง ไม่ว่าบางสิ่งนั้นจะมีความสำคัญกับเรามากแค่ไหนก็ตาม เพราะเราได้ยอมสละมันไประหว่างการดีเบตนั้นแล้ว
Megan : คุณจะบอกอะไรกับคนที่บอกว่า เพราะด้วยประสบการณ์ของคุณนั่นล่ะ ที่ทำให้คุณมองไม่เห็นว่าตอนนี้คุณได้กลายเป็นตัวร้ายในหนังสือของคุณไปแล้ว และในการต่อสู้นี้คุณเลือกที่จะหักล้างบางสิ่งที่คุณสร้างไว้เอง
JK : เหนือสิ่งอื่นใด สำหรับใครก็ตามที่พยายามบอกว่า ฉันไม่เคยทำความเข้าใจในสิ่งที่ตัวเองได้เขียนลงไป ฉันบอกตรงนี้เลยนะว่า พวกคุณต่างหากที่ไม่เข้าใจว่าฉันเขียนอะไรลงไป
พวกผู้เสพความตายมักจะชอบอ้างว่า "เราถูกบังคับให้ใช้ชีวิตภายใต้ความลับ และตอนนี้ถึงเวลาของเราแล้ว และใครก็ตามที่ขัดขวางเราจะต้องถูกทำลาย ถ้าคุณไม่เห็นด้วยกับเรา คุณต้องตาย"
ก็คือพวกเขาได้ทำลายและลดทอนความเป็นคนของผู้อื่น เพียงเพราะแค่คิดต่างจากพวกเขา - ย้อนแย้งดีไหมล่ะ
... จบ ตอนที่ 5 ...
ถอดบทสัมภาษณ์โดยเว็บไซต์ The Rowling Library
ติดตามเรื่องราวซีรีส์ The Witch Trials of J.K. Rowling ได้ทาง Podcast นี้
เรียบเรียงบทความโดยโดย Shootty แอดมินเพจพอตเตอร์ไดอารี่
หากนำบทความออกไปโปรดอ้างอิงเว็บไซต์และผู้เรียบเรียง
ติดตามกันได้ที่เพจ https://www.facebook.com/potterdiarythaifan